เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 66 เวลา 10.45 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในงานพิธี “ประกาศเกียรติคุณสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประจำปี 2566” โดยมี คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจฯ กล่าวต้อนรับ และนางมาลีรัตน์ ปลื้มจิตรชม ที่ปรึกษาสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจฯ และประธานคณะกรรมการจัดงาน กล่าวรายงาน อีกทั้ง นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจกรอบความร่วมมือโครงการเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม (Social Capital Corridor : SCC) ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท.) ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) United Nations Development Programme (UNDP) และ USAID Southeast Asia Smart Power Program (SPP) จัดงานพิธี “ประกาศเกียรติคุณสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ประจำปี 2566” เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และเป็นกำลังใจนักธุรกิจสตรีและนักวิชาชีพสตรีที่ประสบความสำเร็จและทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและเป็นแรงบันดาลใจในการจุดประกายให้สตรีนักธุรกิจและวิชาชีพในรุ่นต่อไป สำหรับการเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยไม่ทิ้งการพัฒนาชุมชนและสังคม รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สตรีที่มาร่วมงานวันนี้ เปรียบเสมือนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย และพลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจจากจังหวัดต่างๆ ของประเทศ ซึ่งเป็นผู้ให้โอกาสคนที่ไม่มีโอกาสในสังคม และวันนี้จะเห็นว่าสตรีทุกท่านที่เป็นนักธุรกิจได้ทำธุรกิจมานานตลอดชีวิต และยังถอดบทเรียนให้กับลูกหลานทำงานต่อไป อีกทั้งยังคุมทิศทางของธุรกิจให้ดูแลสังคม มีกำไร และมีความยั่งยืนได้ ทั้งนี้ กระทรวง พม. ขอเชิญทุกท่านซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัดร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม เพื่อช่วยเหลือ ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสกับผู้ที่ไม่มีโอกาส
นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับบันทึกความเข้าใจกรอบความร่วมมือโครงการเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม (Social Capital Corridor : SCC) เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. คณะกรรมการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม สสธวท. และ 7 องค์กรภาคีเครือข่าย โดยกระทรวง พม. เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการฯ และองคาพยพในการช่วยเหลือดูแลชุมชนและกลุ่มเปราะบางเพื่อให้เกิดความมั่นคงในสังคม รวมทั้งองค์กรภาคีเครือข่าย ภายใต้ขอบเขตความร่วมมือในการให้ความร่วมมือและการสนับสนุนเพื่อการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งการให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ วางแผนประสานงาน การให้ความรู้ การฝึกอบรม และการถ่ายทอดประสบการณ์ รวมถึงการรณรงค์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และขยายผลกิจกรรมของโครงการฯ #ช่วย24ชั่วโมง #พม24ชม #ข่าวพม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น