ด้วยโอกาสโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยก้าวเข้าสู่ปี 173 ปี และครบรอบ 30 ปี EIPสู่การพัฒนาเป็น หลักสูตรนานาชาติ Execellent International Program : โรงเรียนนานาชาติในบริบทไทย
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย (BCC) จัดงาน “BCC Educational Forum 2025” ภายใต้แนวคิด “Legacy of Excellence, Future of Innovation” ซึ่งเป็นงานสัมมนาการศึกษาแห่งปีโดยงานนี้จัดเพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของการศึกษา นวัตกรรม และการพัฒนา 3 หลักสูตรของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน พร้อมทั้งประกาศเปิดตัวบัตรนักเรียนรูปแบบใหม่ที่เดียวในประเทศไทย
1. หลักสูตรนานาชาติ Excellent International Program เป็นหลักสูตรที่ออกแบบการเรียนการสอนโดยครูต่างชาติที่เป็น Native English Speaker ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูสัญชาติสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนมีความคุ้นเคยและใช้สำเนียงภาษาอังกฤษได้อย่างมีมาตรฐาน โดยมีตารางสอนจำนวน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีอัตราการเข้าชั้นเรียนของของ Native Speaker ไม่ต่ำกว่า 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ในหลักสูตรนี้ มีโครงสร้างที่ชัดเจน ตั้งแต่สื่อการสอนเราจัดการให้ปรับห้องเรียนให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาให้เหมาะกับการเรียนรู้สำหรับการสอนในรูปแบบนานาชาติ พร้อมด้วยหนังสือเรียนที่ไม่ใช่หนังสือไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษ แต่เราใช้หนังสือนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้คำสำคัญทางวิชาการที่เป็นภาษาอังกฤษ ให้นักเรียนได้ซึมซับและเข้าใจมาตรฐานวิชาการในระดับนานาชาติอย่างลึกซึ้งเพื่อให้พร้อมกับการวัดระดับมาตรฐานระดับโลกในระดับมัธยมศึกษา ด้วยผลการสอบ SAT เฉลี่ย 1100 คะแนน ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานการรับเข้าหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยไทยซึ่งต้องมีคะแนนอย่างต่ำ 600 คะแนน และคะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษอย่าง IELTS มีคะแนนเฉลี่ยน 7.5-8 คะแนน ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเข้าคณะแพทย์ของทุกมหาวิทยาลัย ทั้งหลักสูตรไทย และหลักสูตรนาชาติ รวมถึงความสามารถในการสอบวัดระดับ GED, IGCSE ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยในระดับสูง
จุดเด่นของหลักสูตรนี้ คือ หลักสูตรนี้สอนโดยครูเจ้าของภาษา 100% เพื่อให้เด็ก ๆ ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยอาศัยโครงสร้างหลักสูตร Pearson Edexcel ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้ในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ แม้จะเป็นหลักสูตรนานาชาติ แต่เด็ก ๆ ยังคงอยู่ในบริบทของความเป็นไทย อย่างครบถ้วน
"ในหลักสูตรนี้ถ้าหากผู้ปกครองต้องการให้ลูกเรียนในระบบที่พร้อมต่อยอดสู่มหาวิทยาลัยต่างประเทศ หรือ สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานระดับโลก หรือกลับมาทำธุรกิจในตลาดประเทศไทยได้ EIP ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ"
นักเรียนชั้นมัธยมปลายทุกคนมีความสามารถในการทดสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ทั้งหลักสูตรหลักสูตรไทย และนานาชาติ เช่น นักเรียนจะเข้าได้ทั้ง สถาปัตย์จุฬาภาคอินเตอร์ที่รองรับทักษะภาษาอังกฤษเพื่อโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนไทย แต่สถาปัตย์จุฬาหลักสูตรไทยที่เรียนจบแล้วมีใบประกอบวิชาชีพสถาปัตย์สามารถเซ็นแบบได้จะมีเงื่อนไขและวิธีการคัดเลือกที่ทำให้นักเรียนไทยได้เปรียบในทดสอบและได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ
2. หลักสูตร Young Creative Innovator Program
จุดเด่นของหลักสูตรนี้ คือ การเปลี่ยนโครงสร้างวิชาใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ซึ่งออกแบบและปรับเพิ่มรายวิชาที่สนุกสนานบนฐานการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมความเข้าใจในการสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม สู่ระดับประถมศึกษาตอนปลายที่เน้นเรื่องการนำความรู้สู่การประยุกต์ใช้สามารถพัฒนาโครงงานบนฐานนวัตกรรมได้ สู่การต่อยอดในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่สามารถพัฒนาเป็นต้นแบบ ต้นทุน และแนวทางต่อยอดทางธุรกิจตามแนวคิดผู้ประกอบการ และมีการปรับการเรียนจาก “แผนการเรียนวิศวกรรมชีวการแพทย์” สู่ “แผนการเรียนนวัตกรรม” เพื่อเปิดโอกาสในการเรียนรู้กับกลุ่มนักเรียนที่หลากหลาย และนำไปสู่แผนงานนวัตกรรมที่ครบวงจร ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายวิชาการร่วมกับ “ศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์” หรือ RDii ซึ่งพันธกิจหลักคือการสร้างสรรค์ DNA นวัตกรรุ่นเยาว์ตั้งแต่ประถมศึกษา สู่ศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งที่ผ่านมาด้วยศักยภาพของศูนย์วิจัยฯเกิดการเรียนรู้เรื่องนวัตกรรมทั่วทั้งโรงเรียน และสามารถต่อยอดความสำเร็จของนักเรียนด้วยการชนะรางวัลระดับโลกมากมายหลายรางวัล ทั้งหมดนี้ทำให้เราสร้างมาตรฐานหลักสูตรใหม่ที่เป็นมากกว่าโรงเรียนวิทยาศาสตร์ แต่เป็นโรงเรียนนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน
3. หลักสูตร BCC Global Program
จุดเด่นของหลักสูตรนี้ คือ มีการเรียนการสอน 4 วัน โดยมุ่งเน้นการบูรณาการแนวคิดความเป็นพลเมืองโลกกับวิชาการสาขาต่าง ๆ ให้นักเรียนเข้าใจในประเด็นปัญหาระดับโลก รู้จักการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และเตรียมพร้อมสู่ประชากรยุคใหม่ในอนาคต รวมถึงมีกิจกรรมส่งเสริมทักษะด้านต่างๆ ที่นักเรียนสนใจอย่าง Funtastic Friday กิจกรรมพิเศษทุกวันศุกร์มีบริษัทชั้นนำระดับมืออาชีพที่หลากหลายให้นักเรียนได้เรียนรู้ และสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ในปีการศึกษา 2568 จะมีโอกาสได้เลือกวิชาที่เขาสนใจเพื่อล็อกตารางเรียนประจำในทุกสัปดาห์ หรือผู้ปกครองสามารถพานักเรียนไปฝึกฝนในโครงการพิเศษส่วนตัวนอกโรงเรียนโดยไม่มีการบันทึกเวลาเรียน
โดยทั้ง 3 หลักสูตรนี้มีการเรียนการสอนด้าน นวัตกรรม ด้านเทคโนโลยีระดับโลกด้วย BCC AIRS( Advanced Integrated Robotics and Security Systems)โดยตัวย่อของคำว่า AIRS คือการให้ความสำคัญกับ AI Technology, Internet of Things, Robotics Technology และ Security in Cyberspace ซึ่งหลักสูตรนี้บริหารจัดการโดยบริษัท All Robotics บริษัทชั้นนำด้านวิทยาการหุ่นยนต์
อาจารย์วราภรณ์ ทรัพย์สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและมาตราฐานคุณภาพ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ และผู้จัดการ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว เราได้รับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 400 คน ทั้งห้องเรียนหลักสูตรนวัตกรรุ่นเยาว์สร้างสรรค์รุ่นใหม่ หลักสูตรการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นพลเมืองโลก และหลักสูตรการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศในระดับนานาชาติ นั่นทำให้โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียวิทยาลัยมีอัตราการสมัครเข้าเรียนสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ปกครองที่มีต่อเรา แต่ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถิติ มันสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราในการพัฒนาหลักสูตร และการดูแลนักเรียนอย่างรอบด้าน นั่นเป็นเหตุผลที่เรามุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพสูงสุด เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งทางวิชาการ จริยธรรม และทักษะชีวิต
ดร.วิชัย สีสุด รองผู้อำนวยการด้านนโยบายและแผน ผู้รับผิดชอบงานวิชาการทั้งหมดของโรงเรียนกล่าวว่า การเรียนการสอนในยุคนี้ ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียนอีกต่อไป โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยเองก็ได้วางแนวทางอย่างเป็นระบบในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ โดยเน้นไปที่ 3 แกนหลักสำคัญ ดังนี้
1. โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี: การอัปเกรดระบบเครือข่าย การเพิ่ม Cloud-based Learning Platform และการใช้ AI สนับสนุนการเรียนรู้
2. ขยายขีดความสามารถในการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Hybrid Learning): รองรับการเรียนออนไลน์ ร่วมกับการเรียนรูปแบบปกติ การสอนเสริมด้วย VR และเทคโนโลยี AI
3. สร้างสังคม Cashless School ที่ปลอดภัย: ระบบบัตรดิจิทัลที่ควบคุมการใช้จ่ายของนักเรียน สร้างวินัยทางการเงิน และความฉลาดรู้ทางการเงิน
Highlight โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยเปิดตัวบัตร VISA นักเรียน เเห่งเเรกในประเทศไทย ซึ่งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยได้ร่วมมือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย, VISA และบริษัท Schooney ร่วมสร้างบัตรที่รวมคุณสมบัติด้านความปลอดภัย การชำระเงินแบบควบคุมได้ และการสะสมคะแนนกิจกรรมในโรงเรียนไว้ในหนึ่งเดียว พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์เส้นทางการพัฒนาแผนการศึกษาปูทางสู่เส้นทางอาชีพในอนาคต ร่วมกับเทคโนโลยี AI และด้วยแนวคิดการปรับบัตรนักเรียนในรูปแบบใหม่โดยความร่วมมือของบริษัท Schooney ผู้วางแผนแบบบริหารโครงการบัตรนักเรียน และบริษัท VISA เพื่อขออนุมัติให้บัตรนักเรียนของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยที่ติดสัญลักษณ์ VISA ได้ และบริหารบัตรแบบเติมเงินผ่านการควบคุมของผู้ปกครอง แม้บัตรใบนี้ไม่ใช่บัตรเคตดิต และไม่ใช่บัตร Debit ซะทีเดียว แต่ด้วยศักยภาพของระบบ และมาตรฐานความปลอดภัยของ VISA ทำให้บัตรใบนี้มีคุณสมบัติล้ำหน้าในมิติใหม่ทางการศึกษา
ดร.วิชัย สีสุด รองผู้อำนวยการด้านนโยบายและแผน กล่าวเสริมว่า เป็นครั้งแรกที่นักเรียนตั้งแต่ป.1 สามารถมีบัตร VISA โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร เพราะนี่ไม่ใช่บัตรเครดิตหรือเดบิต แต่เป็น บัตรอัจฉริยะทางการศึกษา ที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับการเรียนรู้และสร้างความฉลาดรู้ทางการเงิน หรือ Financial Literacy ให้กับเด็ก ๆ นอกนี้บัตรประจำตัวนักเรียน มีระบบรองรับสำหรับการเข้า-ออกโรงเรียน ใช้ชำระเงินในโรงเรียน โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ปกครองผ่านแอปพลิเคชั้น ใช้เช็คอินหรือสะสมแต้มจากกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี ช่วยให้ โรงเรียนก้าวเข้าสู่ระบบ Cashless School อย่างสมบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น