กองทุน SSF (Super Savings Funds) เป็นกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาวที่ถูกจัดตั้งขึ้นเนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินระยะยาว 10 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นการช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินสำหรับการใช้จ่ายในอนาคตได้เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งสำหรับใครก็ตามที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม SSF ก็สามารถนำเงินที่ซื้อกองทุนมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ลงทุนกองทุน SSF ปี 2567 เตรียมพร้อมรับโอกาสเติบโต
การเริ่มต้นวางแผนการลงทุนตั้งแต่ต้นปี
จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้การลงทุนนั้นเติบโต โดยเฉพาะกองทุนรวม SSF ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ซึ่งควรเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่ได้รับรายได้ก้อนแรก
เพื่อให้มีเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มขั้น
แต่ก่อนจะเริ่มต้นลงทุน ต้องมาอัปเดตเงื่อนไข SSF 2567 เพื่อการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีแบบไม่ให้ผิดเงื่อนไขด้วย
1.
การลงทุนในกองทุนรวม
SSF สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท
โดยสามารถลงทุนได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้น
อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ
2.
ลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน
30% ของเงินได้
แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท
3.
SSF ซื้อรวมกับการออมและกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น
ๆ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
4.
ไม่มีเงื่อนไขบังคับให้ลงทุนต่อเนื่องทุกปี
5.
ไม่มีการกำหนดขั้นต่ำในการลงทุน
6.
ปัจจุบันสามารถนำเงินที่ซื้อกองทุน
SSF ลดหย่อนภาษีได้ถึงปี
2567*
7.
กองทุน
SSF ที่ซื้อไว้ต้องถือครองไม่น้อยกว่า
10 ปี เช่น หากซื้อวันที่ 5 มกราคม 2567
จะสามารถขายคืนได้เมื่อครบวันที่ 6 มกราคม 2577
(นับเป็นแบบวันชนวัน เดือนชนเดือน)
จากเงื่อนไขของการลงทุนในกองทุน SSF จะเห็นได้ว่า ในปี 2567 นี้ เป็นปีสุดท้ายสำหรับการได้รับสิทธิ์ลดภาษี SSF* จึงเป็นอีกหนึ่งกองทุนรวมที่น่าสนใจ
และตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี และอย่าลืมว่าถ้าลงทุนก่อน
ก็มีสิทธิ์ที่เงินของเราจะเติบโต สร้างผลกำไรได้ก่อนใคร
และยิ่งลงทุนไวก็ยิ่งขายคืนได้ไว
*อัปเดตข้อมูล 7 กุมภาพันธ์ 2567
กองทุน SSF มีแต่ได้กับได้ ลงทุนระยะยาว
พร้อมประหยัดภาษี
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การลงทุนในกองทุนรวม SSF นั้นจะต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี แบบวันชนวัน ซึ่งข้อดีของการถือครองกองทุนในระยะยาว คือ
ช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับผลตอบแทน มีเงินออมไว้ใช้ในอนาคต
และผลประโยชน์ที่ได้รับทันทีเมื่อเราเลือกซื้อกองทุนรวม SSF ก็คือ
การได้ประหยัดภาษี ซึ่งจะทำให้มีเงินเหลือเพิ่มขึ้นในทันที
และอีกหนึ่งจุดเด่นของกองทุน SSF ก็คือ หากผู้ลงทุนต้องการได้ผลกำไรตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุน SSF ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลได้เช่นกัน แต่ข้อควรรู้คือ จะต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% สำหรับเงินปันผลที่ได้รับ ส่วนสำหรับใครที่ไม่อยากเสียภาษีในส่วนนี้ ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวม SSF ชนิดสะสมมูลค่าได้
เริ่มต้นลงทุนกองทุน SSF ทำได้อย่างไร
สำหรับใครที่มีความสนใจและอยากเริ่มต้นลงทุนในกองทุน SSF ก็สามารถเริ่มลงทุนง่าย ๆ ด้วยวิธีการดังนี้
1.
คำนวณเงินได้
ณ ปัจจุบัน เพื่อเช็กว่า SSF ลดภาษีได้เท่าไหร่
จะได้ซื้อ SSF ลดภาษีได้อย่างไม่ผิดเงื่อนไข คือ สูงสุด 30%
ของเงินได้ และไม่เกิน 200,000 บาท
2.
เปิดบัญชีซื้อขายกองทุนรวม
3.
ทำแบบประเมินความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้
4.
เลือกกองทุน
SSF ที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ตนเองสนใจ
หรือเลือกดูจากกองทุน SSF แนะนำ
เพื่อความรวดเร็วในการคัดเลือกกองทุนยิ่งขึ้น
5.
ซื้อกองทุนที่เลือก
และถือลงทุนตามเงื่อนไขของกองทุนนั้น ๆ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
จะเห็นได้ว่า การเริ่มต้นลงทุน SSF
ทำได้ไม่ยาก หากใครเริ่มต้นลงทุนครั้งแรกในปี 2567 นี้ ก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย ส่วนท่านใดที่มีบัญชีซื้อขายกองทุนอยู่แล้ว
ก็เพียงเลือกกองทุนรวม SSF ที่สนใจ
แล้วกดซื้อได้ทันทีเช่นกัน
3 กองทุน SSF แนะนำจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในกองทุน SSF
แต่ยังตัดสินใจเลือกกองทุนไม่ได้
ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาก็มีกองทุนรวม SSF ที่น่าสนใจ
และน่าลงทุน มาให้คุณได้พิจารณา 3 กองทุน
1. กองทุนเปิดกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้-เพื่อการออม
(KFAFIXSSF)
ประเภทกองทุน:
กองทุนรวมเพื่อการออม / กองทุนรวมตราสารหนี้ / กลุ่มกองทุนรวม Mid Term General Bond
ระดับความเสี่ยง: ระดับ 4 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
สินทรัพย์ที่ลงทุน: ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยสินทรัพย์หลักที่ลงทุนจะเป็นตราสารหนี้ ทั้งพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้เอกชน
และเงินฝาก โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active
Management)
เหมาะกับใคร: เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษี
และยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ คาดหวังความสม่ำเสมอของผลตอบแทน
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก
2. กองทุนเปิดกรุงศรี SET100-เพื่อการออม (KFS100SSF)
ประเภทกองทุน:
กองทุนรวมเพื่อการออม / กองทุนรวมตราสารทุน/ กองทุนรวมดัชนี / กลุ่มกองทุนรวม Equity Large Cap
ระดับความเสี่ยง: ระดับ 6 เสี่ยงสูง
สินทรัพย์ที่ลงทุน: ลงทุนเพื่อผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี
SET100
เหมาะกับใคร: เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษี
และผลตอบแทนตามตลาดหุ้นไทย อยากกระจายการลงทุนด้วยการซื้อหุ้นใหญ่จาก SET100
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก
3. กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ปันผลเพื่อการออม
(KFGBRANSSF)
ประเภทกองทุน:
กองทุนรวมเพื่อการออม / กองทุนรวมตราสารทุน /กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Feeder Fund / กลุ่มกองทุนรวม Global
Equity
ระดับความเสี่ยง: ระดับ 6 เสี่ยงสูง
สินทรัพย์ที่ลงทุน: ลงทุนในหุ้นแบรนด์เด่นของบริษัทชั้นนำที่คนทั่วโลกเลือกใช้
เหมาะกับใคร: เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษี
และอยากลงทุนในอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีชื่อเสียงทั่วโลก
อยากเสริมความต้านทานให้พอร์ตการลงทุนจากภาวะเศรษฐกิจ
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลอัปเดตของกองทุนรวม SSF ปี 2567 สำหรับใครที่สนใจออมเงิน
ลงทุนระยะยาว และซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี กองทุน SSF ก็ยังคงตอบโจทย์สำหรับปีนี้อยู่
สามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตนเองได้เลย หรือถ้าให้ง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่า
สามารถติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยา
เพื่อพูดคุยและขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงิน การลงทุน
และการลดหย่อนภาษีโดยเฉพาะ ได้ที่ช่องทางฮอตไลน์ 02-296-5959 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน
ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม
มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- SSF
เป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออม
ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
- KFGBRANSSF
ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- KFAFIXSSF
อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้
(Non-investment grade) หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
(Unrated Bond) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วน หรือทั้งจำนวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น