เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อโซเชียลมีเดียมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์ท่านหนึ่งและพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมากตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยเฉพาะข้อที่ 22 ที่กำหนดให้เด็กคนหนึ่งมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาการรักษาพยาบาลเรื่องอาหาร เรื่องการเจริญเติบโตที่ประเทศไทยจะต้องให้ความคุ้มครองกับเด็กที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยนั้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าภายใต้ข้อ 22 นั้นประเทศไทยจะต้องให้สัญชาติไทยกับเด็กเหล่านั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนผิดโดยสิ้นเชิง
นายวราวุธ กล่าวว่า ขออนุญาตทำความเข้าใจว่าในข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ไม่ได้พูดถึงการให้สัญชาติประเด็นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เน้นในข้อที่ 22 คือการคุ้มครองดูแลเด็กคนหนึ่งให้เขาสามารถเจริญเติบโตทั้งกายและใจตามสิ่งที่เด็กคนหนึ่งพึงจะมี และที่สำคัญข้อที่ 22 นี้ ทั่วโลกได้มีการนำไปประยุกต์ใช้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเทศไทยของเราในทางกลับกันเป็นประเทศสุดท้าย จากกว่า 100 ประเทศที่ให้การรับรองข้อที่ 22 นี้ใช้เวลาเกือบ 40 ปี กว่าจะรับรองข้อบทนี้ แต่ว่าต้องขอย้ำบางท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจะต้องไปดูแลเด็กต่างชาติ เด็กไทยเราไม่ดูแล ซึ่งในกรณีนี้เราดูแลเด็กทุกคน และในทางกลับกันถ้าหากว่ามีคนไทยไปตกระกำลำบากที่ต่างประเทศหรือว่ามีเด็กไทยไปตกระกำลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับประเทศอื่น ประเทศเหล่านั้นก็จะต้องดูแลเด็กไทยเช่นเดียวกับเด็กของเขาเช่นกันแต่ไม่ได้ให้สัญชาติกับผู้ใดโดยเด็ดขาด
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้น ขออนุญาตทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าการที่ประเทศไทยให้การรับรองข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กนั้น ไม่ได้เป็นการรับรองให้สัญชาติกับผู้ใดขอให้ความสบายใจกับพี่น้องประชาชนและทำความเข้าใจ และที่สำคัญขอฝากบอกต่อๆกันเพราะว่าความเข้าใจผิดนั้นกระจายเหลือเกินแต่พอจะให้เข้าใจถูกไม่ค่อยกระจาย จึงขอฝากช่วยกันกระจายข้อมูลที่ถูกต้องด้วย#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น