นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของไทยและการเติบโตของบริษัทฯ ว่า ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยถึงมูลค่าการส่งออกไอศกรีมของไทยปี 2566 อยู่ที่ 148.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก สอดคล้องกับการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ ไอศกรีมผลไม้ และ โมจิไอศกรีม
โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเกือบ 99% และขายในประเทศเพียง 1% ทำให้ในปีที่ผ่านมา (2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมสูงถึง 340 ล้านบาท เติบโตประมาณ 30% แต่ยังน้อยกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 400 ล้านบาท จากปัญหาการไม่เพียงพอของผลไม้สดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตและกำลังการผลิตของโรงงานเต็มแล้ว ส่งผลให้มีสินค้าค้างส่งแก่ลูกค้าถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาท แต่ปีนี้ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้วแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิต การบริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบ ด้วยการลงทุนปลูก จัดหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ เพิ่ม และสต๊อกผลไม้เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ตลอดปี ทำให้จะสามารถส่งผลิตภัณฑ์ไอศกรีมแก่ลูกค้าได้ในทุกคำสั่งซื้อ ทั้งคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ คำสั่งซื้อใหม่ และรองรับลูกค้าใหม่ๆ ที่จะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตนั้น มีการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นการขยายโรงงานให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับกับเครื่องจักรและสายการผลิตไอศกรีมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สามารถลดเวลาในการผลิตไอศกรีมผลไม้ 1 ลูก จากเดิมที่ใช้เวลา 3 วัน เหลือเพียงแค่ 10 นาที ทำให้เพิ่มกำลังการผลิตจากปีละ 340 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมประมาณ 9 ล้านชิ้นต่อปี เป็น 720 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมประมาณ 18 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งโรงงานใหม่จะเสร็จสิ้นและดำเนินการผลิตได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้
ส่วนการแก้ปัญหาด้านวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิตนั้น ทางบริษัทฯ ได้มีแผนระยะยาวในการป้องกัน โดยลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ในการปลูกสับปะรดจำนวน 1,000 ไร่ ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งสับปะรดเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตภัณฑ์ไอศกรีมผลไม้ในลูกสับปะรดที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของเรา โดยคาดว่าจะได้ผลผลิตช่วงปลายปีนี้ประมาณ 1 ล้านลูก และจะเพิ่มเป็น 6 ล้านลูกในปีต่อๆ ไป พร้อมกันนั้นยังได้สร้างห้องเย็นเพื่อจัดเก็บวัตถุดิบทำให้สต๊อกวัตถุดิบเพิ่มได้มากถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ ประมาณ 1 ล้านชิ้น ทำการปรับปรุงการบริหารจัดการด้านการจัดซื้อวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้รับซื้อและจัดเก็บผลไม้ในฤดูกาลที่มีผลผลิตมากได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป และถือเป็นการช่วยเกษตรกรทางอ้อมอีกด้วย
ส่วนด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายนั้น ยังคงเน้นตลาดส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์ไอศกรีมในลูกผลไม้ของเรายังคงครองอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลี ส่วนประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลีย มีการเน้นทำตลาดเพื่อสร้างความรู้จักมากขึ้น แต่ตลาดที่น่าสนใจ มีศักยภาพสูงและเป็นประตูบานสำคัญ คือ ซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากมีกำลังการซื้อสูงและเชื่อมต่อไปยังประเทศในแถบอาหรับและแอฟริกาได้ ส่วนจีนเป็นตลาดใหญ่ มีการบริโภคสูง ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ทางบริษัทฯ ได้เริ่มมีการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายบ้างแล้วและผลตอบรับเป็นไปด้วยดี คาดว่าจะสามารถพัฒนาต่อไปเป็นตลาดสำคัญของเราได้ นอกจากนั้นยังได้เริ่มมีการเปิดตลาดใหม่กับทางอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาและพัฒนาสูตร คาดว่าจะสามารถส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้ประมาณปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป ประกอบด้วย ไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีสัดส่วนสูง 80% โมจิไอศกรีม 15% และ ไอศกรีมผลไม้แท่ง 5% ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้เป็นไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยขนาด 210 กรัม มี 6 รสชาติ ประกอบด้วยสับปะรด เสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง และแก้วมังกร โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ซึ่งไอศกรีมชนิดถ้วยจะเป็นคนละตลาดกับไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ แต่ยังเน้นตลาดส่งออกเช่นเดิม โดยจะเริ่มจำหน่ายในเกาหลีก่อน สำหรับจุดเด่นของไอศกรีมชนิดถ้วย คือ การเจาะเข้าสู่ฐานผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจำหน่ายผ่านช่องทาง รีเทล ซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Costco, GS25, 7-ELEVEN นอกจากนั้นยังเปิดกว้างในการรับจ้างผลิต (OEM) แบบครบวงจร โดยลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมพัฒนาสูตรกับเรา โดย แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จะดูแลเรื่องการผลิต บรรจุ พร้อมส่งออกไปยังปลายทางให้ได้อีกด้วย ซึ่งจากการขยายการลงทุนโรงงานใหม่ แหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะสูงแตะ 400 ล้านบาท
ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป สามารถเยี่ยมชมได้ที่งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 บูธ 1KK59 วันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสามารถหาข้อมูล รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่ www.maxfoodgroups.com/ หรือ โทร 099-6246266
ส่วนด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายนั้น ยังคงเน้นตลาดส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์ไอศกรีมในลูกผลไม้ของเรายังคงครองอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลี ส่วนประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลีย มีการเน้นทำตลาดเพื่อสร้างความรู้จักมากขึ้น แต่ตลาดที่น่าสนใจ มีศักยภาพสูงและเป็นประตูบานสำคัญ คือ ซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากมีกำลังการซื้อสูงและเชื่อมต่อไปยังประเทศในแถบอาหรับและแอฟริกาได้ ส่วนจีนเป็นตลาดใหญ่ มีการบริโภคสูง ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ทางบริษัทฯ ได้เริ่มมีการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายบ้างแล้วและผลตอบรับเป็นไปด้วยดี คาดว่าจะสามารถพัฒนาต่อไปเป็นตลาดสำคัญของเราได้ นอกจากนั้นยังได้เริ่มมีการเปิดตลาดใหม่กับทางอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาและพัฒนาสูตร คาดว่าจะสามารถส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้ประมาณปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป ประกอบด้วย ไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีสัดส่วนสูง 80% โมจิไอศกรีม 15% และ ไอศกรีมผลไม้แท่ง 5% ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้เป็นไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยขนาด 210 กรัม มี 6 รสชาติ ประกอบด้วยสับปะรด เสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง และแก้วมังกร โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ซึ่งไอศกรีมชนิดถ้วยจะเป็นคนละตลาดกับไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ แต่ยังเน้นตลาดส่งออกเช่นเดิม โดยจะเริ่มจำหน่ายในเกาหลีก่อน สำหรับจุดเด่นของไอศกรีมชนิดถ้วย คือ การเจาะเข้าสู่ฐานผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจำหน่ายผ่านช่องทาง รีเทล ซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Costco, GS25, 7-ELEVEN นอกจากนั้นยังเปิดกว้างในการรับจ้างผลิต (OEM) แบบครบวงจร โดยลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมพัฒนาสูตรกับเรา โดย แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จะดูแลเรื่องการผลิต บรรจุ พร้อมส่งออกไปยังปลายทางให้ได้อีกด้วย ซึ่งจากการขยายการลงทุนโรงงานใหม่ แหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะสูงแตะ 400 ล้านบาท
ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป สามารถเยี่ยมชมได้ที่งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 บูธ 1KK59 วันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสามารถหาข้อมูล รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่ www.maxfoodgroups.com/ หรือ โทร 099-6246266
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น