พรรคก้าวไกลดักคอเกมเขี่ยทิ้งของเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว....S

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกระแสข่าวลือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลว่า ช่วงนี้มีการตั้งข้อสันนิษฐานเพื่อบั่นทอนความเชื่อใจของภาคี 8 พรรคร่วมเต็มไปหมด เช่น 1.ข่าวลือว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) จะดีดพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับรวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคเพื่อไทรวมพลัง ซึ่งมีเสียงรวมกัน 262 เสียง เพื่อให้ ส.ว.ยอมโหวตให้โดยอ้างว่าคือการปิดสวิตช์ ส.ว. ตนไม่เชื่อข่าวลือนี้ เพราะไม่ใช่การปิดสวิตช์ ส.ว. แต่ยอมจำนนต่อ ส.ว. รวมหัวปิดสวิตช์ก้าวไกล ขัดขวางไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลมากกว่า

ดังนั้น ข่าวลือนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะนอกจากรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแล้ว การที่พรรค พท.จะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จะอธิบายต่อวีรชนคนเสื้อแดงที่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนสำคัญได้ยาก

2.ส่วนข่าวลือเรื่องจะดีด ก.ก.ไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วดึงภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาล ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ แม้ว่าจะทำให้รัฐบาลมีเสียงถึง 308 เสียงก็ตาม เพราะเสถียรภาพของรัฐบาลจะดูแค่จำนวน ส.ส.ไม่ได้ ต้องมีเสียงสนับสนุนจากประชาชน และต้องยอมรับว่ารวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ความโยงใยกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย

นายวิโรจน์ ระบว่า เขาเชื่อใจและไว้ใจภาคี 8 พรรคร่วม เพราะตนเป็นคนที่เมื่อตัดสินใจร่วมทีมกับใครก็จะเชื่อใจไม่หวั่นไหว ต่อให้จะถูกหลอก สุดท้ายภารกิจมันต้องล้มเหลว เพราะถูกทรยศหักหลังก็ยังดีกว่าการที่มันล้มเหลว เพราะความระแวงและไม่เชื่อใจระหว่างกันภายในทีม

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยอมรับหนักใจว่าจะอธิบายกับสังคมและประชาชนอย่างไร หากมีการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล โหวตนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ ยังคงพยายามยึดมั่นใน 8 พรรคเดิม ส่วนกระแสข่าวจะมีพลิกขั้วโดยไม่มีพรรคก้าวไกล ก็ต้องไปดึงพรรคการเมืองที่มีเสียงพอสมควร เช่น พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตอนนี้ไม่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว ซึ่งก็สามารถทดแทนกันได้ แต่หากทำจริง สิ่งที่หนักใจที่สุด คือ การจะอธิบายให้สังคมและประชาชนเข้าใจ

นายสุทิน กล่าวต่อว่า การเมืองวันนี้มันถูกกำหนด กดดันให้มีข้อจำกัด อยู่ที่เราจะเลือกทางออกไหน และประชาชนจะยอมไหม เพราะถ้าไปด้วยกัน อีกฝั่งก็ไม่ยกมือให้ ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่จะไปถามพรรคก้าวไกลคนเดียวไม่ได้ หากไปถึงจุดนั้น คนที่จะกำหนดเราก็คือประชาชนเหมือนกัน หากประชาชนบอกว่าไม่ได้ จะไปยอมให้ฝ่ายนั้นเขากลับมาเป็นรัฐบาลอีกไม่ได้ เลือกตั้งมาแทบเป็นแทบตาย เพื่อไทยต้องเป็น ถ้าแบบนั้น หากฟังสังคมชัดเจนแล้ว มันก็ต้องตัดสินใจ แต่ต้องบอกก่อนว่า จะเป็นทางไหน ยังไม่ได้ตัดสินใจ