ผบ.ตร.ติวเข้มกำชับแนวทางการปฏิบัติการ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เน้นย้ำการบันทึกภาพ เสียงขณะจับ ควบคุมตัว รับ ตร.ขาดแคลนอุปกรณ์ แต่จะบริหารจัดการที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และระเบียบฯ ที่ออกโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ ตร. ได้ออกแนวทางให้ปฏิบัติไปพลางก่อน
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.66 เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมด่วนตำรวจระดับหัวหน้าหน่วยประเทศ เพื่อกำชับการปฏิบัติการ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมผู้บังคับบัญชาทุกระดับ (ผบช. ผบก. และหัวหน้าหน่วยระดับพื้นที่) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร.ชั้น 20 อาคาร 1 ตร.
การประชุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 22 กำหนดให้ ในการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าวไป รวมถึงการแจ้งให้การจับกุม การควบคุมตัวให้พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครองรับทราบ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จึงได้เรียกประชุมตำรวจเพื่อกำชับการปฏิบัติตามแนวทางกฎหมายให้ได้มากที่สุด แม้ว่าขณะนี้ ตร.จะขาดแคลนอุปกรณ์ อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดหา แต่ก็เน้นย้ำให้หน่วยบริหารจัดการตามที่มีอยู่เดิม ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เบื้องต้น ตร. มีกล้องติดตัวเดิม 120,597 ตัว กำลังพล ตร. ที่จะใช้ 160,000 นาย อยู่ระหว่างจัดหาอีกราวๆ 37,000 ตัว โดยได้เร่งให้ทางสำนักงานส่งกำลังบำรุง รับผิดชอบการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์เครื่องบันทึกภาพและเสียง และ เร่งให้ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) รับผิดชอบจัดทำระบบจัดเก็บข้อมูลการบันทึกภาพและเสียง คาดว่าจะเสร็จสิ้นและส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประมาณต้นเดือนกันยายน 2566 ประกอบกับระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่าด้วยการบันทึกภาพและเสียงในขณะจับและควบคุม การแจ้งการควบคุมตัวและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว พ.ศ. 2566 ซึ่งจะต้องออกโดยคณะกรรมการฯ ดังกล่าว ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ ตร. ได้แก้ปัญหา โดยจะออกแนวทางให้ตำรวจปฏิบัติไปพลางก่อน
ผบ.ตร.จึงได้สั่งการ เน้นย้ำข้าราชการตำรวจ ให้การดำเนินการเกี่ยวกับการบันทึกภาพและเสียงในขณะทำการจับและควบคุม และการแจ้งเรื่องการจับและควบคุม เป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.ฯ ดังนี้
1. ให้หัวหน้าหน่วยงานบริหารจัดการอุปกรณ์กล้องบันทึกภาพและเสียงที่มีอยู่เดิม ให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน (ส.) ฝ่ายป้องกันปราบปราม (ป.) และฝ่ายจราจร (จร.) หรือเจ้าหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่จับและควบคุมตัวเป็นหลักก่อน และหากไม่เพียงพอให้จัดให้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ประจำวันก่อน
2. การบันทึกภาพและเสียง ตามมาตรา 22 วรรคหนึ่ง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบ บันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าวไป โดยให้ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์บันทึกภาพและเสียงที่รัฐจัดหาให้ หรือในกรณีจำเป็นอาจใช้อุปกรณ์อื่นใดที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์และเสียงได้ชัดเจนเพียงพอ เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถกระทำได้ก็ให้บันทึกเหตุนั้นเป็นหลักฐานไว้ในตามแบบบันทึกการควบคุมตัวที่ ตร.ได้ดำเนินการทำเป็นแนวทางการปฏิบัติ
3. การแจ้งการควบคุมตัวไปยังพนักงานอัยการ และนายอำเภอท้องที่ที่มีการจับกุม หรือผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ ตาม ม.22 วรรคสอง เบื้องต้นให้ใช้วิธีประสานแจ้งไปยังศูนย์รับแจ้งของสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมการปกครอง ซึ่งได้แจ้งแนวทางไปยังหน่วยแล้ว พร้อมให้จัดทำสมุดคุมการแจ้ง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ชื่อผู้ต้องหา ข้อหา เจ้าหน้าที่ผู้แจ้ง - ผู้รับแจ้งพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ วัน เวลาที่แจ้ง
4. การจัดเก็บบันทึกข้อมูลภาพและเสียง ในเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบในการจับและควบคุมตัว บันทึกข้อมูลภาพและเสียงลงในเครื่องคอมพิวเตอร์หน่วยงานของตนเองไปพลางก่อน โดยในการเก็บข้อมูลให้จัดทำให้ปรากฎชื่อและนามสกุลของผู้ถูกจับ พร้อมทั้งหมายเลขประจำวันไว้ด้วย ส่วนการจัดเก็บในระบบภาพรวม ตร. ขณะนี้ สทส. อยู่ระหว่างการจัดหาระบบจัดเก็บข้อมูลภาพและเสียงในระบบ CRIMES ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.66
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า “ ได้เรียกประชุมกำชับข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 แม้ว่าขณะนี้ ตร.จะขาดแคลนอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพและเสียง รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูล แต่ได้แจ้งแนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้หน่วยไปเบื้องต้นแล้ว โดยให้ตำรวจใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำสั่งการ ให้ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ผบช. ผบก. หน.สน./สภ. กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบให้ทำความเข้าใจหลักกฎหมาย วิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ซ้อมซ้อมการปฏิบัติและทราบแนวทางปฏิบัติที่ ตร. กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น