พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดทำโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการและประชาชนมีจิตสำนึกสาธารณะ รักบ้านเมือง รู้รักสามัคคี ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม บรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาให้แก่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดจนเพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน กรุงเทพมหานครมีความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้น ที่ได้น้อมนำโครงการฯ มาสืบสาน ขยายผล โดยระดมพลังความรัก ความสามัคคีทั้งของหน่วยงานในพระองค์ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชน ร่วมปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน อย่างยั่งยืน
โดยเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 66 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเปิดกิจกรรมจิตอาสาฟื้นฟูพัฒนาคลองแสนแสบ ณ บริเวณตลาดนัดตะวันนา เขตบางกะปิ โดยมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตบางกะปิ ข้าราชการ บุคลากรกรุงเทพมหานคร ผู้แทนหน่วยงานภาคเอกชน และประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรมจิตอาสา เทน้ำหมักชีวภาพจำนวน 500 ขวด ตรวจเยี่ยมการทำความสะอาด จัดเก็บขยะ วัชพืชในคลอง ณ จุด Check in คลองแสนแสบ ปลูกต้นรวงผึ้งและทาสีสัญลักษณ์ช่องทางจักรยาน พร้อมกันนี้ กรุงเทพมหานครได้รับมอบถังดักไขมันจำนวน 5 ถังจากภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุน เพื่อส่งมอบให้กับผู้แทนชุมชนริมคลองแสนแสบ คือ ชุมชนวัดกลาง ชุมชนไขศรีปราโมทย์พัฒนา และชุมชนมหาดไทย 2 นำไปติดตั้งต่อไป
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานทุกวันพุธ มีจุดประสงค์หลักคือการดูแลคูคลอง ประกอบด้วยคลองแสนแสบ คลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว และคลองสามเสน สำหรับการดูแลคลองต้องอาศัยความร่วมมือกัน โดยสำนักการระบายน้ำเป็นหน่วยงานหลัก ดูแลการจัดเก็บขยะและการระบายน้ำ และอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชนและภาคเอกชน โครงการจิตอาสาเป็นโครงการในพระราชดำริที่ดีมาก ทำให้ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะภาครัฐฝั่งเดียวไม่พอในการแก้ปัญหาเมือง เมื่อประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของและช่วยดูแลคลอง ภาคเอกชนซึ่งมีทรัพยากรมาช่วยสนับสนุน ภาครัฐเป็นผู้ดูแลในภาพรวม เมื่อทุกฝ่ายประสานกันได้ทั้งหมดก็จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น