ตามที่รัฐบาลมีนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพในทุกด้าน ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ครม. เห็นชอบให้ใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ เป็นมาตรฐานกลางประเทศ ให้ทุกหน่วยงานใช้ร่วมกันในการประเมินเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริหาร ดูแลพัฒนา และจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ตั้งแต่แรกเกิดถึงก่อนเข้าประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อเป็นการวางรากฐานให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดีเท่าเทียมกัน
นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ตระหนักถึงความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของเด็กเพื่อมุ่งสู่การเป็นทุนมนุษย์ที่มีคุณค่าของประเทศ จึงได้นำนโยบายข้างต้นมาขับเคลื่อนยกระดับการพัฒนาศักยภาพเด็กโดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ที่ในทุกพื้นที่ของสังคมต้องเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยสำหรับเด็ก
สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้กำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพของสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนกว่า 1,284 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งมีเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิด – 6 ปี ใช้บริการกว่า 16,100 คน ผ่านการส่งเสริมให้สถานประกอบการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ในระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม 2565 ให้แก่ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด รวมถึงผู้ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาคทั้ง 77 จังหวัด จำนวน 150 คน ร่วมขับเคลื่อนการยกระดับ ความปลอดภัยในสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนที่กำหนดไว้ในมาตรฐานเด็กปฐมวัยแห่งชาติสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง
อีกทั้งได้มีความร่วมมือกับสมาคมพัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กไทยในการนำ Kids Care Application มาใช้ในการบริหารจัดการกิจกรรมภายในสถานรับเลี้ยงเด็ก ทั้งด้านการบริหารบุคคล ด้านการประเมินคุณภาพตนเอง (SAR) ด้านการพัฒนาเด็กโดยเครื่องมือ DSPM และด้านสุขภาพ (4D) ได้แก่ ด้านโภชนาการและการเจริญเติบโต (Diet) ด้านพัฒนาการเด็กและการเล่น (Development and Play) ด้านทันตสุขภาพ (Dental) และด้านการป้องกันโรค (Disease) ด้านการบริการข้อมูลข่าวสาร ด้านทะเบียนผู้ใช้บริการ และที่สำคัญ Application ดังกล่าวจะทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง มีความมั่นใจต่อคุณภาพการให้บริการ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลแบบ Real Time ด้านสุขภาพประจำวัน ผู้รับ-ส่งเด็ก และข้อมูลพัฒนาการเด็กผ่าน QR Code ของเด็กแต่ละราย
นอกจากนี้กรมกิจการเด็กและเยาวชน ยังได้จัดทีมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและผู้ดูแลเด็กในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ครั้ง และจะมีผู้ผ่านการพัฒนาศักยภาพเพิ่มเติมอีกจำนวน 790 คน
นอกจากนี้จะร่วมกับสมาคมพัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กไทยจัดทำ Mobile Unit ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ให้ความรู้ในการจัดทำแผนเผชิญเหตุการณ์อพยพ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ เกิดการพัฒนาสู่การเป็น Smart Nursery ได้อย่างแท้จริง พมช่วย24ชม #ช่วย24ชม #ข่าวพม #เพื่อเด็กและเยาวชน #เด็กและเยาวชน #DCY #ดย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น