สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปข.ตร. และมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปข.ตร. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง โดยใช้นโยบายบังคับใช้กฎหมาย ใน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการก่อนเกิดเหตุ มาตรการขณะเกิดเหตุ มาตรการสอบสวนขยายผลและ มาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อน ศปข.ตร. ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำหรับพื้นที่ที่มีสถิติการร้องเรียนและการจับกุมในปริมาณมากให้เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตรา แหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผล ไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งรัดกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพิ่มเติม เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
พล.ต.ท.ประจวบฯ ยังกล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญในการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ การแจ้งข้อมูลและเบาะแสจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ จึงกำชับเพิ่มเติมให้ทุกหน่วยให้ความสำคัญในการรับแจ้งเหตุและร้องเรียนในทุกช่องทาง ให้ กก.สส.บก.น./ภ.จว. ร่วมกับงานสืบสวนของ สน./สภ. ตรวจสอบและติดต่อสอบถามข้อมูลจากประชาชน เน้นการสืบสวนหลังเกิดเหตุให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีทุกราย เพื่อป้องปรามไม่ให้กลับมากระทำความผิดอีก และให้เร่งรัดการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และให้ความสำคัญกับการแสวงหาข้อมูลและเบาะแสจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่และช่องทางอื่นๆทุกช่องทาง พร้อมทั้งสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยละเอียดทุกกรณี โดยขอประชาสัมพันธ์ว่า ประชาชนผู้ให้ข้อมูลหรือเบาะแสที่สามารถนำไปสู่การจับกุมความผิดแข่งรถในทาง ในช่องทางต่างๆ เช่น ศูนย์ 191, สายด่วน 1599, ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. ฯลฯ จะได้รับค่าตอบแทน รายละ 3,000 บาทโดยในปัจจุบันมีประชาชนที่ให้ข้อมูลหรือเบาะแสได้รับค่าตอบแทนแล้ว จำนวน 23 ราย เป็นเงิน 69,000 บาท
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังที่จะดำเนินการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรม จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกสถานีทั่วประเทศ ทุ่มเทสรรพกำลังอย่างต่อเนื่องจริงจัง เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยให้แก่ประชาชนและสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น