นายจุติ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะสอนอะไรเราบางอย่าง และสิ่งที่ประวัติศาสตร์ให้กับคนรุ่นหลังคือการถอดบทเรียนจากวิกฤติและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ วันนี้ ต้องบอกว่า ปัจจัยสี่ของประเทศ ประกอบด้วย ระบอบประชาธิปไตย ความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงทางพลังงาน และเทคโนโลยีการสื่อสาร อีกทั้งปัจจุบัน คนไทยมีทั้งคิดบวกและคิดลบ มีการแบ่งฝ่าย ฉะนั้น วิธีแก้ปัญหาคือ การที่เราต้องไปถอดบทเรียนจากประเทศที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กในการสร้างความเข้มแข็ง มีความคิดเป็นของตัวเอง ต้องสร้างสังคมไทยในมุมมองของคุณเอง ไม่ใช่มุมมองของผม และไม่อยากให้เป็นเครื่องมือของใครทั้งสิ้น เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา ศาสนา เชื้อชาติ แต่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคม
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า การเป็นยุวทูตคุณธรรมควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงองค์ประกอบของสังคมให้มาก ซึ่งวันนี้ เราสามารถทำให้ทุกท่านที่เข้ามาอบรมในหลักสูตร ได้มีความตระหนัก มีความคิดลึกซึ้ง วิเคราะห์แยกแยะถูกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวในสังคม และสิ่งที่อยากแนะนำต่อไปคือ การประกอบอาชีพใหม่ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี แต่อย่าตกเป็นทาสของเทคโนโลยี โดยให้ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน พร้อมทั้งรักษาความสุจริต ความเที่ยงธรรม วันนี้คุณเป็นยุวทูตคุณธรรมแล้ว วันหน้าคุณจะเป็นทูตที่ยิ่งใหญ่ต่อไป ทั้งนี้ กระทรวง พม. จะขับเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีการอบรมหลักสูตรสำหรับสภาเด็กและเยาวชน โดยอยากปลูกฝังเรื่อง 7Q (7 Quotient) เป็นความฉลาด 7 ด้านของมนุษย์ในโลกสมัยใหม่ และเมื่อท่านจะต้องไปจัดการกับคนทั้งโลก จำเป็นต้องมี 11Q (7 Quotient) เป็นความฉลาด 11 ด้านของเด็กยุคใหม่ ซึ่งท่านต้องสร้างและรักษาไว้ให้ได้ ดังนั้น หัวใจของยุวทูตคุณธรรม รวมถึงหัวใจของคน พม. คือการเรียนรู้ที่จะรู้จักมอบความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เพื่อให้สังคมมีความน่าอยู่มากขึ้น
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ควรปลูกฝังและปลุกกระแสจิตอาสาให้กับเด็กและเยาวชน เป็นการสร้างพลังเด็กและเยาวชนสู่การเป็นผู้นําพลเมืองจิตอาสา ด้วยการมีมุมมองของสังคมในมุมกว้าง รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง รวมถึงการเข้าใจและเคารพกฎกติกาในสังคมร่วมกัน
#ช่วย24ชั่วโมง #พม24ชม #ข่าวพม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น