รมว.สุชาติ ห่วงใยเคสลูกจ้างถูกไฟช็อตเสียชีวิตบนเรือต่างชาติ สั่ง กสร.ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

รมว.แรงงาน ห่วงใย ลูกจ้างถูกไฟช็อตเสียชีวิตบนเรือต่างชาติ สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที ยืนยันไม่ทอดทิ้งพร้อมหาทางช่วยเหลือครอบครัวลูกจ้างที่เสียชีวิตอย่างเต็มที่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีสื่อเสนอข่าวแม่ร้องขอความเป็นธรรม ลูกชายทำงานเป็นลูกเรือบนเรือบรรทุกน้ำมันของชาวต่างชาติ ถูกไฟดูดเสียชีวิตบนเรือ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 โดยนายจ้างชาวต่างชาติให้การช่วยเหลือในเรื่องของคดีเป็นเงิน 50,000 บาท นั้น หลังจากทราบข่าวดังกล่าว ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านกำกับดูแล กระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสั่งให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมจึงได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ส่งพนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี (สสค.ชลบุรี) ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 2 ชลบุรี (ศปข. 2) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมช่วยเหลือครอบครัวลูกจ้างทันที เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 พนักงานตรวจความปลอดภัย สสค.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากญาติผู้เสียชีวิตว่า ลูกจ้างทำงานบนเรือได้เสียชีวิต เนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อตบนเรือต่างชาติ โดยลูกจ้างผู้เสียชีวิต เป็นคนไทย อายุ 44 ปี เป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่งย่านเขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ท่าเรืออยู่ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยลูกจ้างมีหน้าที่ต้องขึ้นไปปฏิบัติงานบนเรือต่างชาติ และได้ถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตบนเรือต่างชาติดังกล่าว ทั้งนี้ พนักงานตรวจความปลอดภัย สสค. ชลบุรี ศปข.2 และหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้เข้าช่วยเหลือครอบครัวลูกจ้างที่เสียชีวิตจากเหตุถูกไฟช็อตบนเรือต่างชาติ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทางด้าน นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า หลังจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้มีข้อสั่งการมา พนักงานตรวจความปลอดภัย สสค.ชลบุรี 2 และ ศปข. 2 ได้มีหนังสือเชิญนายจ้างมาพบในวันที่ 19 กันยายน 2565 เวลา 13.30 น. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับลูกจ้างผู้เสียชีวิต และเอกสารการดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานยื่นต่อพนักงานตรวจความปลอดภัย โดยจะดำเนินการช่วยเหลือญาติของลูกจ้างผู้เสียชีวิตให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ผมต้องขอความร่วมมือนายจ้าง และลูกจ้างให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 อย่างเคร่งครัดด้วย หากนายจ้าง/เจ้าของสถานประกอบกิจการใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองความปลอดภัยแรงงาน โทรศัพท์ 0 2448 9128-39 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1506 กด 3 และ 1546