นายอนุกูล กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวง พม. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนงานด้านสวัสดิการสังคมในภาพรวมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 4 ระบบสวัสดิการหลัก ประกอบด้วย ระบบการช่วยเหลือทางสังคม ระบบการบริการทางสังคม ระบบประกันสังคม และระบบส่งเสริมหุ้นส่วนทางสังคม เพื่อตอบสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะครัวเรือนเปราะบาง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการสร้างความร่วมมือและประสานงานกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาหนุนเสริมการจัดสวัสดิการสังคมเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมุ่งสู่สังคมสวัสดิการ กระทรวง พม. จึงได้จัดโครงการสวัสดิการสังคมไทย : 20 ปี พัฒนางานสวัสดิการสังคม ก้าวสู่สังคมสวัสดิการ ขึ้น เพื่อเป็นเวที นำเสนอผลงานด้านวิชาการและจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของภาคีเครือข่ายด้านการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม การแสดงผลผลิตและผลลัพธ์การจัดสวัสดิการของภาคีเครือข่ายให้เป็นที่ประจักษ์ รวมถึงพัฒนาศักยภาพด้านการจัดสวัสดิการสังคมแก่ผู้ปฏิบัติงานและภาคีเครือข่าย เพื่อมุ่งสู่การเป็น “นักสวัสดิการสังคม” ที่มีคุณภาพ
นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ มีกิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วย การอภิปรายภายใต้หัวข้อ “20 ปี พัฒนางานสวัสดิการสังคมก้าวสู่สังคมสวัสดิการ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ” นิทรรศการวิชาการในประเด็นทิศทางงานสวัสดิการสังคมไทยสู่การลดความเหลื่อมล้ำ และพิธีมอบใบประกาศนียบัตร แก่องค์กรที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งมีโครงการและผลงานดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 83 โครงการ 83 องค์กร อาทิ 1) โครงการพัฒนาศักยภาพของครอบครัวในชุมชนในการจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อเสริมสร้างชีวิตที่ดีกว่า โดยมูลนิธิเพื่อการบริหารสังคม 2) โครงการฝึกอบรมการเลี้ยงกุ้งฝอยในกระชัง โดยศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดอำนาจเจริญ 3) โครงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ให้เข้าใจสิทธิและบริการพื้นฐานต่อกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มวัย โดย ชมรม อพม. จังหวัดปทุมธานี เป็นต้น
กระทรวง พม. พร้อมผนึกกำลังจากภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตสวัสดิการอย่างกว้างขวาง ครอบคลุม มีความเป็นอิสระต่อกัน ภายใต้ความรับผิดชอบและการดูแลของสังคมโดยรวม พร้อมสร้างสรรค์สวัสดิการสังคมให้สอดรับกับปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชนและกลุ่มเปราะบาง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างตรงจุดและขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่สังคมสวัสดิการ นายอนุกูล กล่าวในตอนท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น