ด้านระบบสาธารณสุขในอนาคตคงต้องดูให้ละเอียดขึ้น ในเขตทุ่งครุไม่มีโรงพยาบาลเลย ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ในส่วนของ กทม. มีศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) 2 แห่ง คือ ศบส. 54 และศบส. 59 ปัญหาคือ ศบส. 54 อัตรากำลังไม่ครบ ฝากรองผู้ว่าฯ ทวิดา ให้เร่งหาอัตรากำลังเข้ามาเพิ่มเติม แล้วก็ดูความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายแล้วมีความจำเป็นที่ต้องมีโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่นี้ เพราะว่ามีการขยายตัวของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น
ในเขตทุ่งครุมีพื้นที่ที่เป็นของ กทม. หลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร แห่งที่ 2 ทุ่งครุ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ผู้ว่าฯ ได้ย้ำว่าจะต้องพัฒนาเนื้อหาให้ดี ให้เด็กและผู้ปกครองอยากมา นอกจากนนี้ก็มีศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (บางมด) มีค่ายลูกเสือกรุงธน มีหลายที่ที่จะพัฒนาให้เข้มแข็ง มีโรงเรียนฝึกอาชีพ คงต้องไปเอาหลักสูตรต่าง ๆ เข้ามา เพื่อให้คนทุ่งครุและพื้นที่ใกล้เคียงใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ ได้แนะนำการพัฒนาคลองบางมด ซึ่งเป็นคลองหลักของเขตทุ่งครุ โดยต้องการทางเดิมริมคลองและไฟฟ้าแสงสว่าง เพื่อให้มีทางสัญจรได้มากขึ้นและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น มีพิพิธภัณฑ์ชุมชนเล็ก ๆ ใต้สะพานริมคลองบางมด อยากจะให้มีการเปิด-ปิดและมีคนเข้าไปดูแล ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ชุมชนที่ กทม. จะส่งเสริมอยู่แล้ว ด้านการจราจรมีปัญหา ในอนาคตต้องดูว่าจะมีการเชื่อมโยงอย่างไร จะมี Feeder เป็นรถเมล์ หรือตัดถนนเพิ่มที่อยู่ในแนวเวนคืนอยู่
ในช่วงบ่ายผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงพื้นที่บริเวณอาคารสงเคราะห์ข้าราชการและลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานคร ซอยประชาอุทิศ 90 (แฟลตทุ่งครุ) โดยในอนาคตจะปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ว่างให้เป็นสวนสุขภาพและลานกีฬา และเยี่ยมชมศูนย์เยาวชนทุ่งครุ ซึ่งมีการปรับให้เป็นศูนย์พักคอย และประชาชนได้ร้องขอให้เปิดการให้บริการศูนย์เยาวชนตามปกติ โดยผู้ว่าฯ กทม. ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตทุ่งครุพิจารณา หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ก็สามารถคืนพื้นที่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้สำรวจบริเวณแฟลตที่มีปัญหาชำรุดทรุดโทรม เช่น บริเวณใต้ถุนอาคารมีปัญหาระบบท่อระบายน้ำรั่ว เป็นต้น เพื่อพิจารณาขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในการซ่อมแซมต่อไป
จากนั้น ได้ลงพื้นที่บริเวณถนนเลียบทางด่วนซึ่งมีปัญหาการจราจรติดขัด เพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาการจราจร ร่วมกับ หน่วยงานต่างๆ และตรวจเยี่ยมชุมชนใต้สะพานโซน 1 รับฟังการแก้ไขปัญหาขยะ PU โฟม ที่เกิดจากการแกะตู้เย็นเก่าและไม่มีที่ทิ้ง หารือแนวทางแก้ไขปัญหาขยะ PU โฟมในพื้นที่อย่างยั่งยืน พร้อมพูดคุยกับเยาวชนในชุมชนโครงการ 'ลมใต้ปีก' โดย มูลนิธิความคิดสร้างสรรค์เพื่อรับมือภัยพิบัติ มูลนิธิกิรัน แคร์ และคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชน เพื่อสอบถามปัญหาสารทุกข์สุขดิบและความต้องการ โดยประชาชนขอความอนุเคราะห์ให้ลอกท่อ ทาสีลูกระนาดใหม่ และขอช่างซ่อมรถ โดยผู้ว่าฯ ให้เขตลองดูว่ารถที่เสียพอจะเป็นรถครูให้ศูนย์ฝึกอาชีพซ่อมได้หรือไม่ และเด็ก ๆ อยากได้อุปกรณ์กีฬา ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานเขตดำเนินการต่อไป
"ฝากเรื่องการทิ้งขยะ ต้องทิ้งในจุดที่มีการอนุญาต เรื่องเด็กก็สำคัญ ต้องให้เขาไปเรียนหนังสือ อย่าให้ออกจากโรงเรียน น้อง ๆ ก็ต้องพยายามเรียนต่อให้ได้ ผมว่าอนาคตสำคัญ อย่างน้อยมีการศึกษาก่อน ถึงจุดหนึ่งก็ไปต่อได้ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ และผอ.เขต ก็ลงมาดูว่ามีอะไรพอช่วยเหลือได้บ้างด้วย อย่าให้เด็กหลุดออกจากระบบ เพราะหลุดแล้วกลับไปยาก" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น