เมื่อวันที่ 5 ส.ค.65 เวลา 14.00 น. : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ครั้งที่ 6/2565 เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่เทศกิจ โดยมี นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า)
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่าวันนี้เป็นการประชุมแนวดิ่งหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 เขต ปกติมีการประชุมเป็นประจำแต่นี่เป็นครั้งแรกที่มาเข้าร่วมประชุม ได้หารือกันในเรื่องต่างๆ ที่เทศกิจดำเนินการซึ่งก็ทำได้ดี เช่น การช่วยเหลือประชาชนในมิติต่างๆ การระดมกำลังการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมทั้งเรื่องการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ปัญหาต่างๆ จุดที่เสนอเข้ามาเพื่ออนุมัติในอนาคต ปัจจุบันมีจุดผ่อนผันที่อนุมัติ 55 จุด และอยู่ระหว่างลงนามประกาศ 31 จุด รวม 86 จุดและมีจุดที่อาจจะมีศักยภาพที่จะอนุมัติเพิ่มเติมได้ โดยเน้นว่าต้องให้มีความชัดเจน และได้แจ้งแต่ละเขตต้องทำจุดทำการค้าที่ได้รับอนุมัติเป็นจุดครูหรือจุดที่เป็นต้นแบบจริงๆให้ประชาชนเห็นแล้วมีความรู้สึกว่าแบบนี้แหละที่อยากได้ มีคุณภาพดี ไม่เบียดเบียนการสัญจรคนเดินเท้า เพื่อนำไปเป็นครูที่สอนจุดอื่นๆให้ดีขึ้นได้ หาบเร่แผงลอยเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องอยู่กับพวกเราเป็นเรื่องทั้งเศรษฐกิจ ทั้งคนซื้อและคนขาย แต่ต้องไม่เบียดเบียนกัน ไม่รกรุงรัง ประชาชนสัญจรได้โดยสะดวก และไม่เป็นแหล่งของการก่อเกิดทุจริต
แผงลอยมีอยู่สามแบบ แบบแรกคือ หาบเร่ชุมชน ที่อยู่กับชุมชนมานาน เช่น อยู่ในซอยแบบที่ 2 หาบเร่-แผงลอย สำหรับพนักงานออฟฟิศที่อยู่ในเมืองอยู่ในถนนใหญ่ และแบบที่ 3 กลุ่มแผงลอยที่ขายนักท่องเที่ยว แต่ละกลุ่มต้องมีการบริหารจัดการที่เหมาะสมแตกต่างกันไป ส่วนเรื่องวันหยุดมอบหมายสำนักเทศกิจวิเคราะห์ว่าแต่ละพื้นที่ต้องการหยุดวันไหน เพราะแต่ละพื้นที่มีความต้องการแตกต่างกัน หากเป็นหาบเร่-แผงลอย ประเภทออฟฟิศ อาจจะหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะกฎหมายกำหนดให้หยุดหนึ่งวัน แต่ไม่ได้ระบุว่าให้หยุดวันจันทร์ ดังนั้นกลุ่มนี้อาจจะหยุดวันอาทิตย์ และทำความสะอาดพื้นที่วันอาทิตย์ และวันจันทร์ก็เปิดทำการค้าต่อเนื่องจากมีความต้องการกลับคืนมา ดังนั้นในแต่ละจุดให้เทศกิจเสนอมา เพราะเป็นคนอยู่ในพื้นที่และหากมีการหยุดแล้วต้องมีการความสะอาดอย่างจริงจัง ดังนั้นการหยุดเหลื่อมกัน อาจจะเป็นข้อดีเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดไม่ต้องมาทำการล้างทำความสะอาดภายในวันจันทร์วันเดียว แต่ทำให้สอดคล้องกับพื้นที่ และในอนาคตอาจจะมีการพิจารณาความจำเป็นว่าต้องหยุดทุกอาทิตย์หรือหยุดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ได้หรือไม่ เพราะเป็นเศรษฐกิจที่ประชาชนต้องการ ซึ่งต้องเอาจริงเอาจังและเป็นเรื่องที่เราจะเร่งผลักดัน
อีกเรื่องหนึ่งที่ให้รายงานคือเรื่องการจราจรโดยให้รายงานจุดที่มีปัญหาเข้ามาในแต่ละเขตว่าจุดติดขัดหรือจุดฝืดอยู่ที่ไหน เช่น เรื่องการรถจอดส่งของ การทำผิดกฎหมายริมถนน ซึ่งหลายจุดทำให้เกิดการจราจรติดขัดต่อเนื่องระยะยาว โดยวันจันทร์สำนักเทศกิจจะรายงานจุดที่มีปัญหาเข้ามาและหาแนวทางแก้ไข แล้วจะเริ่มทำในสิ่งที่เราทำได้ก่อน อีกเรื่องที่ดำเนินการไปคือเรื่องเด็กเช็ดกระจกบริเวณสี่แยกซึ่งได้เริ่มดำเนินการนำร่องแล้วที่เขตคลองเตย จริงๆแล้วกลุ่มเช็ดกระจกเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลืออย่ามองว่าเป็นอาชญากรหรือ มองว่าเป็นภาระหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญเพราะหากเขาไม่ลำบากจริงคงไม่มาเช็ดกระจก จึงมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่เทศกิจทำงานร่วมกับสำนักพัฒนาสังคม ให้ทำการแก้ไขปัญหา โดยมองการแก้ปัญหาในระยะยาวไม่ใช่แก้ไขระยะสั้น ต้องดูต้นตอว่าบ้านอยู่ไหน ปัญหาคืออะไร ฝึกอาชีพได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่ว่ากดดันให้ออกจากพื้นที่ พร้อมกันนี้ให้ทุกเขตรายงานเข้ามาว่าจุดไหนที่มีเด็กเช็ดกระจกเพื่อจะได้ทำการแก้ไข ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความลึกในแง่ของเรื่องรายได้ เราเข้าใจปัญหาแต่ก็ต้องดำเนินการ
“เทศกิจก็เหมือนโซ่ข้อสุดท้ายที่เชื่อมเรากับประชาชน ไม่แตกต่างจากพนักงานรักษาความสะอาดหรือพนักงานกวาดขยะ เพราะว่าเป็นตัวที่เชื่อมเรากับประชาชนเรามีนโยบายดีแค่ไหนถ้าโซ่ข้อสุดท้ายไม่ดีประชาชนก็ไม่รู้สึกประทับใจ หรือรู้สึกไม่ดีด้วย แต่ถึงแม้นโยบายเราไม่ดีแต่ถ้าโซ่ข้อสุดท้ายดี ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องดีได้ งั้นต้องให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดประชาชน ที่ผ่านมาเทศกิจทำงานได้ดีในช่วงน้ำท่วม แต่อาจจะมีส่วนหนึ่งที่มีข้อกังวลเรื่องความโปร่งใส ต้องเน้นย้ำเรื่องความโปร่งใส และยืนยันว่านโยบายของผู้บริหารชุดนี้ เน้นเรื่องความโปร่งใสและสุจริต คำว่า”ทุจริต” เราไม่อดทน หากมีการทุจริตยังไงก็อยู่ไม่ได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้ ในที่ประชุมสำนักเทศกิจรายงานแผนรักษาความปลอดภัยและอำนวยการจราจรการจัดประชุมเอเปคด้านการท่องเที่ยวพ.ศ.2565 เพื่อรักษาความปลอดภัยอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับบุคคลสำคัญพร้อมคู่สมรสและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุมรวมทั้งอำนวยการกำกับดูแลการปฏิบัติของทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีแผนการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญและคู่สมรสที่เข้าร่วมประชุมจะต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ การอำนวยความสะดวกการจราจรกำหนดเส้นทางหลักเส้นทางสำรองเส้นทางฉุกเฉินโดยประชาชนผู้ใช้ทางได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ดำเนินการจัดระเบียบหาบ - แผงลอยจัดระเบียบทางเท้ารวมทั้งเส้นทางเข้าออกโดยรอบสถานที่ประชุมสถานที่พำนักและสถานที่ตามที่กำหนด โดยทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการแผนการปฏิบัติและแผนการใช้กำลังพลอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆจากทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบและมีการประสานสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิดจริงจังและต่อเนื่อง
สำหรับการมอบหมายภารกิจ ประจำกองอำนวยการร่วม ระหว่างวันที่ 13-21 ส.ค.65 ประกอบด้วย1.จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจจากสำนักเทศกิจ สำนักงานเขตปทุมวัน สำนักงานเขตบางรัก สำนักงานเขตคลองเตย และสำนักงานเขตราชเทวี ประจำกองอำนวยการร่วมเพื่อติดต่อและประสานการปฏิบัติระหว่างกรุงเทพมหานครกับกองอำนวยการร่วม เพื่ออำนวยการสั่งการกำกับดูแลและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการหรือหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง
2.จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ ณ ที่ทำการศูนย์ซึ่งมีการกำหนดขอบเขตและความรับผิดชอบในพื้นที่หวงห้าม พื้นที่ควบคุม โดยให้มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยและระวังป้องกันอัคคีภัยสถานที่ประชุม สถานที่จัดเลี้ยง และโรงแรมที่พำนักของบุคคลสำคัญและคู่สมรสในพื้นที่รับผิดชอบ ดังนี้
1.โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เขตปทุมวัน
2.โรงแรมพาร์ค ฮแอท กรุงเทพฯ เขตปทุมวัน
3.โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ เขตปทุมวัน
4.โรงแรมพลูแมน คิงส์ เพาเวอร์ เขตราชเทวี
สำหรับการกวดขันเรื่องการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย สำนักงานเขต 50 เขต ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบกวดขันพื้นที่ในความรับผิดชอบอย่างจริงจังและต่อเนื่องพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวทางการจัดระเบียบหาบเร่ - แผงลอยของกรุงเทพมหานครในทางที่ถูกต้อง เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีผู้ทำการค้าหรือจำหน่ายสินค้าในบริเวณหรือพื้นที่กรุงเทพมหานครไม่ได้อนุญาตเพิ่มจำนวนมากขึ้น มีการจับจองพื้นที่ทางเท้าหรือที่สาธารณะเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการค้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้ทางเท้าในการสัญจร
พร้อมกันนี้ได้จัดยานพาหนะเตรียมความพร้อมให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในด้านต่างๆ อาทิ รับ-ส่งประชาชนสู่จุดหมาย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีเหตุฝนตกหนักมีน้ำท่วมขัง ด้านการปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 ไปยังโรงพยาบาลสนามที่ทางกรุงเทพมหานคร โดยดำเนินการผ่านระบบเครือข่ายกับศูนย์เอราวัณเพื่อให้บริการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด- 19 ณ สำนักเทศกิจ โดยประสานงานกับสำนักงานเขต รวมทั้งบริการส่งกลับบ้านหลังจากหายป่วยโควิด-19 ยอดสะสมถึงวันที่ 1 ส.ค.65 นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลสนาม 18,667 ราย รับผู้ป่วยกลับจากโรงพยาบาลสนาม 6,570 ราย (ขอบคุณภาพและข่าวจากเพจ prbangkok.com)
#ปลอดภัยดี #โครงสร้างดี #เศรษฐกิจดี
#เดินทางดี #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น