“บิ๊กจ้อน”โชว์นวัตกรรม “เฝือกประดิษฐ์ยางพาราชิ้นแรกของโลก” ตั้งเป้าถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีผ่านศูนย์ AIC ทั่วประเทศ - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“บิ๊กจ้อน”โชว์นวัตกรรม “เฝือกประดิษฐ์ยางพาราชิ้นแรกของโลก” ตั้งเป้าถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีผ่านศูนย์ AIC ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่24ส.ค.65ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) เปิดเผยถึงความสำเร็จของการส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราที่ใช้ในทางการแพทย์ ว่า ในวันนี้มีอีกหนึ่งความสำเร็จของการส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราที่ใช้ในทางการแพทย์ คือ เฝือกประดิษฐ์ยางพาราชิ้นแรกของโลก ซึ่งถือเป็นงานวิจัยที่สามารถนำมาต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ทั้งนี้ ประเทศไทยสามารถครองแชมป์ส่งออกยางพาราเป็นอันดับหนึ่งของโลก นำมาซึ่งรายได้ของเกษตรกรและประเทศชาติมากขึ้น โดยใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้า “ยางพารา” เพื่อยกระดับอัพเกรดภาคเกษตรกรรมของไทยสู่เกษตรมูลค่าสูง ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยบูรณาการร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง โดยมีการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อพัฒนาการผลิตและการแปรรูปสินค้าและผลิตภัณฑ์ยางพาราภายใต้ความร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(ศูนย์ AIC)สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงอว.และภาคเอกชนในงานด้านวิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ 
ในส่วนของศูนย์ AIC การยางแห่งประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ได้มีการวิจัยและพัฒนาในเรื่องของยางพาราจำนวน 32 เรื่อง อาทิ นวัตกรรมและเทคโนโลยีการแปรรูป, เฝือกเท้าสำหรับลูกช้างจากยางธรรมชาติ NR, การพัฒนาแผ่นรองเท้าสำเร็จรูปจากยางธรรมชาติสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรครองช้ำ และโรคเท้าแบน, เทคโนโลยีการพัฒนาหุ่นจำลองส่วนหัวจากยางพาราเพื่อฝึกหัดทำหัตถการทางจักษุ, อุปกรณ์ถ้วยรองน้ำยางพาราที่สามารถจับตัวน้ำยางได้เองและกรรมวิธีการผลิตอุปกรณ์ถ้วยรองน้ำยางพาราที่สามารถจับตัวน้ำยางได้เอง, ที่ครอบสวิตช์ไฟเรืองแสงจากยางพารา ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้เกิดการแปรรูปยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น หมอน ที่นอนยางพารา ทั้งนี้ การผลิตนวัตกรรมยางพาราที่ใช้ในทางการแพทย์ จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและร่วมสร้างผลงานนวัตกรรมจากยางพาราสู่การแพทย์ โดยมุ่งเน้นผลประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ และที่สำคัญคือเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ซึ่งส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนยาง
ด้าน รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นิยม ละออปักษิณ เลขาธิการมูลนิธิการแพทย์สยามบรมราชกุมารี นายกสมาคมพัฒนาแพทย์ทางเลือกไทย-จีน ในฐานะหัวหน้าโครงการ “การนำเฝือกประดิษฐ์ยางพาราไปประยุกต์ใช้รักษาทางการแพทย์” กล่าวว่า การรักษาผู้ป่วยทางออร์โธปิดิกส์ในเรื่องการบาดเจ็บที่เท้า สำหรับกรณีที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะใช้วิธีการใส่เฝือกซึ่งถือเป็นมาตรฐาน แต่ยังพบว่ามีผลแทรกซ้อน เช่น เฝือกรัดแน่นเกินไป เฝือกหัก และการดูแลหลังใส่เฝือก ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีมีมากขึ้น เฝือกจึงมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม แต่ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาแพง ดังนั้น การพัฒนาวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศ โดยเฉพาะยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย และมีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถนำไปแปรรูปได้ตามความต้องการ จึงนับเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งสำหรับแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย รวมทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าและพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาปรับปรุงเฝือกยางพาราต้นแบบ (prototype) ให้เป็นเฝือกยางพาราเชิงพาณิชย์
สำหรับผลการวิจัยโครงการฯ ดังกล่าว สามารถพัฒนาเฝือกยางพาราในการออกแบบให้มีความสวยงามมีความทันสมัย และดำเนินการจดสิทธิบัตรการออกแบบจนผ่านการอนุมัติ จำนวน 4 ฉบับ และร่วมจัดทำร่างข้อกำหนดจากกรมวิทยาศาสตร์บริการเป็นการกำหนดตัวเลขจากงานวิจัย เพื่อให้เป็นต้นแบบในการอ้างอิงสำหรับประเทศไทยในการประดิษฐ์เฝือกยางพารา และได้ประกาศผ่านการร่างข้อกำหนด นอกจากนี้ ในประเด็นการประยุกต์ใช้ทางคลินิกซึ่งได้ทำการศึกษาทางโรงพยาบาลจำนวน 7 แห่ง รวม 69 ราย หลังจากอธิบายให้แพทย์ผู้ใช้เข้าใจและมีการติดตามผ่านแบบสอบถามความพึงพอใจหลังใส่เฝือกและกิจวัตรหลังใส่เฝือกที่ 1 4 และ 8 สัปดาห์ เมื่อเปรียบเทียบกับเฝือกปูนในงานวิจัยที่มีมาก่อน พบว่ามีค่าที่สูงขึ้นโดยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
นางสาวนภาวรรณ เลขะวิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท. มีงานวิจัยเกี่ยวกับอุปกรณ์ช่วยเหลือทางด้านการแพทย์หลายงานด้วยกัน ซึ่งอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผลิตจากยางพารา สามารถช่วยให้การรักษาดีขึ้น เกิดความสะดวกขึ้น เนื่องจากยางพาราเป็นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก และระบายความร้อนได้ดี นอกจากนี้ การนำยางพารามาผลิตเป็นอุปกรณ์เพื่อช่วยในการรักษาผู้ป่วย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก นอกเหนือจากการนำอุปกรณ์จากต่างประเทศที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ พลาสติก และวัสดุอื่น ๆ ที่มีราคาแพง สามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มปริมาณของอุปกรณ์ให้มีเพียงพอในการใช้งาน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่วิกฤตเร่งด่วน เพื่อให้ทางการแพทย์สามารถช่วยเหลือคนได้เพิ่มและทันเวลายิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา กยท.ได้วิจัยและผลิตอุปกรณ์รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยางเพื่อใช้ทางการแพทย์หลายชิ้น อาทิ อุปกรณ์สำหรับฝึกหมอ พยาบาล เช่น แผ่นฝึกเย็บสื่อการสอน หุ่นฝึกช่วยชีวิต (CPR) ตลอดจนแผ่นยางรองรองเท้าสำหรับคนที่มีปัญหาจากอาการรองช้ำ และเท้าเทียมจากยางธรรมชาติ เป็นต้น
ทั้งนี้ จากรายงานสถานการณ์ตลาดและการส่งออกยางพาราครึ่งปี 2565 ของการยางแห่งประเทศไทย ไทยยังครองตำแหน่งประเทศผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลกด้วยปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยาง 2,190,065 ตัน โดยเฉพาะจีนนำเข้ายางไทยเป็นอันดับหนึ่งครองมาร์เก็ตแชร์ถึง 49% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 10% สหรัฐอเมริกา 7% ญี่ปุ่น 6% เกาหลีใต้ 4%
นางสาวขวัญนลิน นพเก้า นักวิเคราะห์อาวุโส 1 สำนักส่งเสริมการใช้ประโยชน์ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) กล่าวว่า สวก. มีภารกิจหลักในการสนับสนุนทุนวิจัย เพื่อส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านเกษตร ตลอดจนสนับสนุนทุนวิจัยแก่ภาคเอกชนของไทย เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาโครงการวิจัยเชิงนวัตกรรมที่สามารถผลักดันสู่การลงทุนทางธุรกิจ และเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน โดยเร่งสนองนโยบายรัฐบาลเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินงานวิจัยกลุ่มเรื่องยางพารา จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ปี 2562 การวิจัย การออกแบบและนวัตกรรม สำหรับวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ เครื่องมือทดสอบคุณภาพ และกระบวนการผลิต ยางโฟมขั้นสูง เพื่อควบคุมคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ การยศาสตร์ และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับการผลิตเป็นหมอนหรือที่นอน ยางพาราเกรดพิเศษ 2. ปี 2563 การวิจัยและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์ เครื่องมือทดสอบคุณภาพ และห้องปฏิบัติการมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เพื่อควบคุมคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และมีความเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม สำหรับการผลิตเป็นหมอนหรือที่นอนยางพาราเกรดพิเศษ (ปีที่ 2) และ 3. ปี 2563 การจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมถุงมือยางธรรมชาติของโลก
ทั้งนี้ ภายในงานแถลงข่าววันนี้ นอกจากจะมีการนำผลงานนวัตกรรมยางพาราทางการแพทย์ อาทิ เฝือกประดิษฐ์ยางพารา แผ่นฝึกเย็บสื่อการสอน หุ่นฝึกช่วยชีวิต (CPR) แผ่นยางรองรองเท้าสำหรับผู้ที่มีอาการรองช้ำ มาจัดแสดงให้กับผู้เข้าร่วมแถลงข่าวได้รับชมแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ชุดรองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียมจากยางพารา และถุงมือยางธรรมชาติ/ถุงมือไนไตรเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยง จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วรวิทย์ วิณิชย์สุวรรณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคณะ มาจัดแสดงให้กับผู้เข้าร่วมงาน และสื่อมวลชนได้รับชมอีกด้วย .

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น