นายจักกพันธ์ุ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สำนักสิ่งแวดล้อมได้รวบรวมแผนปฏิบัติการจากหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเกิดมลภาวะ จนเข้าภาวะวิกฤตมีค่าฝุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งเรายังคงใช้ค่าเดิมคือ 50 แต่ในปี 2566 จะใช้เกณฑ์ 37.5 โดยช่วงภาวะปกติ กรุงเทพมหานครจะดำเนินตามแผนที่มีอยู่ 16 กิจกรรม เช่น การล้างถนน ตรวจไซด์ก่อสร้าง ตรวจมลภาวะตามสถานที่ต่างๆ เมื่อเริ่มเข้าวิกฤตก็จะมีการปรับแผน ซึ่งจากการประชุมวันนี้ ผู้ว่าฯกทม.รวมถึงกรรมการได้เสนอให้ปรับแผนเฉพาะในแต่ละพื้นที่ เช่น อาจต้องมีการปิดโรงเรียน หรือห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่ (สิบล้อ) วิ่งเข้าพื้นที่ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะส่งแผนที่ปรับกรณีภาวะวิกฤตมาให้สำนักสิ่งแวดล้อมในวันที่ 20 กันยายน และจะมีการประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม จากนั้นจะเริ่มปฏิบัติตามแผนทันที สำหรับการวัดค่าฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันนี้กรุงเทพมหานครมีเครื่องวัด 79 จุด และรถโมบาย 4 แห่ง มีการรายงานค่าฝุ่นเป็นรายเขต 50 เขต ซึ่งคณะกรรมการฯได้เสนอให้พิจารณาว่าควรรายงานรวมทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ หรือรายเขตเช่นในปัจจุบัน
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ปัญหาหลักที่ทำให้เกิดมลภาวะในกรุงเทพฯ มี 2 เหตุ คือจากเครื่องยนต์ดีเซล และการเผา หากเราสามารถควบคุม 2 ส่วนนี้ได้ ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพมหานครก็จะลดน้อยลง กรณีรถสิบล้อเป็นเครื่องยนต์ดีเซล หากเราสามารถควบคุมได้ ปัญหาฝุ่นในพื้นที่ก็จะลดลงด้วย สำหรับงบประมาณเป็นงบปกติที่ใช้ทุกปีไม่ได้มีการจัดสรรเพิ่ม เพราะเรื่องนี้เป็นงานที่ทำปกติไม่ใช่เฉพาะกิจปลอดภัยดีสุขภาพดี (ขอบคุณภาพและข่าวจากเพจprbangkok.com)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น