“พิษณุพร อุทกภาชน์” CEO บมจ.เคหะสุขประชา ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงเกี่ยวกับบริษัท CEMCO เผยโครงการเคหะสุขประชา “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” มีบ้านมีงาน ไม่ต้องรอถึง 200 ปี ที่จะคืนทุน - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

“พิษณุพร อุทกภาชน์” CEO บมจ.เคหะสุขประชา ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงเกี่ยวกับบริษัท CEMCO เผยโครงการเคหะสุขประชา “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” มีบ้านมีงาน ไม่ต้องรอถึง 200 ปี ที่จะคืนทุน

 

นายพิษณุพร อุทกภาชน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) (K-HA) เปิดเผยถึงกรณีโดนพาดพิงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจและเรื่องผู้บริหาร บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชน จำกัด หรือ CEMCO ในเรื่องของผลการดำเนินงานและเรื่องการรับงานของ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) โดยชี้แจงว่า ตามที่ สตง. แจ้งให้ตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อนใน CEMCO ขณะเดียวกัน บริษัทพบว่า มีกรรมการจำนวน 2 ท่าน ที่เข้ามาเป็นกรรมการช่วงปี 58 -59 ขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ เนื่องจากขัดกับข้อบังคับของบริษัท ที่ห้ามกรรมการประกอบธุรกิจอย่างเดียวกับบริษัท
บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชน จำกัด (CEMCO) ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2538 เป็นบริษัทในเครือการเคหะแห่งชาติ โดยการเคหะแห่งชาติถือหุ้น 49 % ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยมีภาระกิจหลักการดูแลชุมชน ต่อจาก กคช. ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ได้แก่ 1. เพื่อดำเนินงาน บริหารจัดการ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลอาคารเช่า 2. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและพัฒนาชุมชนให้น่าอยู่ และ 3. ดำเนินการด้านอื่นๆ ตามภาระกิจที่การเคหะแห่งชาติมอบหมาย
นายพิษณุพร กล่าวว่า ตนเอง เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในปี 2560 โดยบริษัทมีผลขาดทุนสะสมอยู่ ณ สิ้นปี 60 เท่ากับ 13.4 ล้านบาท และในส่วนขอผู้ถือหุ้นมีอยู่เพียง 6.85 ล้านบาท แต่ด้วยการบริหารอย่างโปร่งใส และได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการ และกคช. จึงทำให้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัท มีกำไรก่อนภาษี 18.4 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยุ่ที่ 2.55 ล้านบาท สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 64 แสดงยอดเท่ากับ 22.8 ล้านบาท (ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท)
ส่วน บมจ.เคหะสุขประชา ได้รับการจัดตั้ง ตามที่การเคหะแห่งชาติได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ให้จัดตั้ง บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เพื่อมาช่วยให้การดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชาคล่องตัว และประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น โดยการเคหะแห่งชาติถือหุ้น 49% และผนึกกำลังกับพันธมิตรที่เข้มแข็งและมีความเป็นมืออาชีพถือหุ้น 51% โดยมีเป้าหมายสร้างจำนวน 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564 – 2568 โดยสร้างปีละ 20,000 หน่วย โดยมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท และได้มีการแต่งตั้งบอร์ดบริหาร ซึ่งมีการตรวจสอบเป็นอย่างดี
สำหรับโครงการเคหะสุขประชา บ้านเช่าพร้อมอาชีพ เป็นการระดมทุนจากเอกชนในตลาด หาเม็ดเงินมาทำโครงการให้กับการ กคช. โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณของแผ่นดิน หรือของรัฐบาลมาใช้แต่อย่างใด จะเป็นการระดมทุนเอง แต่ทำงานเพื่อรัฐ และที่ไม่มีภาคเอกชนเข้ามาทำงานในครั้งนี้ เพราะเคหะสุขประชาเป็นโครงการที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการแสวงหากำไรเหมือนโครงการอสังหาริมทรัพย์เอกชนทั่วไป แต่เป็นโครงการกึ่งสังคม เพื่อช่วยเหลือประชาขนทุกภาคส่วนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย เลยไม่มีเอกชนสนใจลงทุน
นายพิษณุพร กล่าวอีกว่า ในอนาคตมีเป้าหมายที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว เพราะมีกระบวนการตรวจสอบ และโปร่งใสอย่างชัดเจน และการเข้าตลาดไม่ใช่เข้าไปเกรงกำไร แต่มันคือการระดมทุนเม็ดเงินมาทำงานเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับคนยากไร้ และพร้อมกับอาชีพให้ด้วย สำหรับโครงการนี้ถ้าพูดถึง มันคือโครงการกึ่งสังคม และมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ และในส่วนที่บอกว่า ใช้เวลา 200 ปี กว่าจะคืนทุนนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ถ้ามีจริงหน่วยงานราชการที่มีส่วนในการกลั่นกรอง รวมถึงคณะรัฐมนตรี ก็คงไม่อนุมัติโครงการแบบนี้ได้

“แต่สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือวิธีการทำงาน วิธีคิด จากการทำกำไรในเชิงพาณิชย์ มาเป็นการคืนกำไรแก่สังคม เปลี่ยนการขายบ้านมาให้คนรายได้น้อยเช่าราคาเริ่มต้น 1,500 – 3,000 บาท แล้วแต่ขนาด ประชาชนอยู่ได้ตลอดชีวิต และไม่ใช่แค่การสร้างบ้าน แต่เป็นการสร้างบ้านพร้อมส่งเสริมอาชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของประเทศที่จะทำโครงการนี้” นายพิษณุพร กล่าวสรุปในตอนท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น