อย่างที่ทราบกันดีว่า “น้ำ” มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันตลอดจนการการดำเนินธุรกิจทั้งในกระบวนการผลิตและบริการรวมถึงการอุปโภคบริโภค แต่ผลที่ตามมานั้น คือ “ปัญหาน้ำเสีย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ
บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ พาราไดซ์ พาร์ค เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 และเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ รวมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร ธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจการประมูล และธุรกิจการเงิน ตระหนักและใส่ใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องตอบโจทย์กับการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจ ที่สำคัญต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน และสอดคล้องกับกฎหมาย
นายประหยัด บุญคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นนโยบายหลักที่ เอ็ม บี เค มุ่งมั่นและดำเนินการมาโดยตลอด เพราะทุกกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละธุรกิจ ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น โดยเฉพาะ “การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ” เพราะน้ำมีความสำคัญในการดำรงชีวิตและทุกชุมชนจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ซึ่ง เอ็ม บี เค มีการวางแผนดำเนินการอย่างบูรณาการ โดยเริ่มจากการสำรวจสภาพแวดล้อมแหล่งน้ำ การวิเคราะห์สภาพค่าความสกปรกของน้ำ ได้แก่ ค่าบีโอดี ซึ่งจะสัมพันธ์กับการเลือกวิธีปรับปรุงคุณภาพน้ำเสียได้อย่างเหมาะสมและเป็นระบบโดยคำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก ทั้งการจัดการน้ำผ่านระบบบำบัด การนำน้ำทิ้งที่ผ่านระบบน้ำเสีย ตามพรบ.การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ไปดำเนินการให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า เป็นต้น
สำหรับระบบบำบัดน้ำเสียที่ธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค ใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ ระบบบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีทางชีวภาพ Activated Sludge แบบใช้จุลินทรีย์และออกซิเจนเป็นตัวช่วยย่อยสลายสิ่งปนเปื้อนในน้ำ เพื่อปรับสภาพน้ำเสียให้กลับมาเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดก่อนที่จะปล่อยออกสู่สาธารณะ ขณะที่ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศตามแนวดิ่ง Deep Shaft ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในนํ้าที่สูง ซึ่งมีข้อดี คือ ประหยัดพื้นที่ แม้จะมีการใช้พลังงานในการเติมอากาศอยู่บ้าง แต่ยังคงคุณสมบัติการบำบัดน้ำเสียให้ได้คุณภาพน้ำที่เหมาะสมก่อนจะปล่อยออกสู่สาธารณะ โดยทางศูนย์การค้าฯ มีการพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องและสามารถควบคุมและลดการใช้พลังงานได้ถึง 240,000 หน่วย/ปี
นายประหยัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในการควบคุมดูแลระบบบําบัดนํ้าเสีย จะมีการตรวจสอบ ติดตามรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการกลิ่นจากสลัดจ์น้ำเสีย มีการตรวจวัดค่าก๊าซไฮโดรเจน ซัลไฟด์ทุกวัน มีการเก็บตัวอย่างนํ้าเสียส่งห้องปฏิบัติการเป็นประจําทุกเดือน เพื่อตรวจสอบคุณภาพนํ้าก่อนที่จะทิ้งลงท่อสาธารณะ รวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาทำการตรวจวัดค่าระดับน้ำเสียอย่างเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ปล่อยออกไปเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดในกฏหมาย และในส่วนที่เป็นกากของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบําบัดนํ้าเสีย ได้ดําเนินการขนย้ายไปทิ้งอย่างถูกสุขลักษณะ หรืออย่าง โรงแรมทินิดีโฮเต็ล บางกอก กอล์ฟ คลับ ที่เปิดเป็น Hospitel เพื่อรองรับการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระบบสามารถบำบัดน้ำเสียให้คุณภาพน้ำมีความใสสะอาดไม่มีเชื้อโรคหรือสารปนเปื้อนก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำในสนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ ช่วยทำให้สมดุลทางธรรมชาติกลับสู่ภาวะปกติดังเดิม และสามารถนำน้ำดังกล่าวมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้อีกด้วย”
นอกจากนี้ยังได้มีการส่งเสริมพัฒนาทักษะให้กับบุคลากร โดยมีการอบรมด้านการจัดการคุณภาพน้ำ เพื่อนำแนวความรู้ทางด้านเทคนิค หรือเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ มาประยุกต์ใช้กับระบบบำบัดน้ำเสียของทุกธุรกิจ หรือต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจและความมุ่งมั่นของ เอ็ม บี เค ที่ไม่ได้มองแค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคม ชุมชนแห่งความสุข และสร้างเสริมเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน (Sustainability) ในทุกมิติอย่างต่อเนื่องและตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น