เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 เวลา 14.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายยัง หลิว (Mr. Young Liu) ประธานกรรมการ บริษัท Foxconn Technology Group เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายหลังการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับประธานฯ Foxconn อีกครั้ง หลังจากที่พบกันในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท Foxconn Technology Group เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งบริษัท Horizon Plus ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของทั้งสองบริษัท และขอบคุณที่เลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค รวมทั้งกล่าวชื่นชมบทบาทของผู้บริหารบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์ และบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตไฟฟ้าอัจฉริยะและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งจะมีส่วนช่วยนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยได้เป็นอย่างดี
ประธานฯ Foxconn รู้สึกยินดีที่เดินทางมาเยือนไทยอีกครั้ง เชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันกับของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ จะช่วยผลักดันความร่วมมือด้านตลาดยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ในไทยให้ก้าวหน้า ทั้งนี้ ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่จะเป็นโอกาสสำคัญของไทย ในการสร้างการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ โดยบริษัทฯ พร้อมแสวงหาความร่วมมือกับไทยอย่างครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิต ทั้งในแง่การผลิตและนวัตกรรมทางด้าน software ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยียานยนต์ของโลก
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตแพลตฟอร์ม Mobility-In-Harmony ซึ่งทั้งสองต่างเห็นพ้องว่าจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล ตลอดจนช่วยขยายอัตราการจ้างงาน และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประธานฯ Foxconn ชื่นชมโครงการ EEC ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า EEC เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยอย่างก้าวกระโดด และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของประเทศ จึงขอเชิญชวนบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและออกแบบชิ้นส่วนอุปกรณ์อัจฉริยะและเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกพิจารณาประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่ง ประธานฯ Foxconn ยินดีสนับสนุนความร่วมมือกับไทยและผู้ประกอบการในท้องถิ่น เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ในภูมิภาคอาเซียน
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำนโยบายในการสนับสนุน และดูแลนักลงทุนในไทยอย่างเท่าเทียม โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น โครงการ Factory Sandbox และการจัดหาวัคซีนให้กับพนักงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการยังสามารถดำเนินกิจการได้อย่างสะดวก จึงขอให้เชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะมีความท้าทายอื่นใด รัฐบาลจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนให้สามารถดำเนินกิจการได้โดยราบรื่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น