รองนายกฯ ปลื้มมาเลเซียให้ความสนใจนโยบายกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ของไทย ยกไทยเป็นต้นแบบ เตรียมเดินทางมาศึกษาดูงานเชิงนโยบายและกฎหมาย เห็นพ้องเป็นพืชให้ประโยชน์มากกว่าโทษ วันนี้(27 พ.ค.65 ) "อนุทิน" นำ 8 หน่วยงาน ประกาศจุดยืนใช้กัญชา-กัญชง ถูก กม.
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. จะเข้าร่วมพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สธ. กับ 7 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม และสภาการแพทย์แผนไทย ประกาศจุดยืนเรื่อง “การปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางไม่เหมาะสม” ที่สำนักงานปลัด สธ.
ทั้งนี้ การประกาศจุดยืนดังกล่าวของ 8 หน่วยงาน เพื่อให้สอดรับกับการปลดล็อกกัญชา กัญชง ออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (ยส.5) ซึ่งจะมีผลหลังวันที่ 9 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ภายหลังจากที่ สธ.ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 โดยผลจากการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว จะทำให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ยกเว้นสารสกัดที่มีสารทีเอชซี (Tetrahydrocannabinol, THC) เกินร้อยละ 0.2
ขณะที่เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงผลการหารือกับ นาย Khairy Jamaluddin ABU BAKAR รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย ในช่วงการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่าเป็นที่น่ายินดีที่มาเลเซียให้ความสนใจต่อนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชง ทางการแพทย์และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ รมว.สาธารณสุข ของมาเลเซีย ระบุระหว่างการหารือว่า มาเลเซียยกให้ไทยเป็นต้นแบบในการผลักดันเชิงนโยบายได้สำเร็จเพื่อใช้ประโยชน์จากทั้งกัญชา กัญชง และพืชกระท่อม โดยเฉพาะในส่วนของพืชกระท่อมนั้นมีการใช้มากในมาเลเซียยังถือเป็นยาเสพติดและผิดกฎหมาย
“ในการหารือ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย เห็นพ้องกับประเทศไทยว่ากัญชา กัญชง และพืชกระท่อม เป็นพืชที่ให้ประโยชน์มากกว่าโทษหากกำหนดแนวทางการใช้อย่างรัดกุมและเหมาะสม ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีของไทยได้ย้ำว่ารัฐบาลไทยได้กำหนดแผนงานตามแนวโยบาย กฎหมาย และแนวทางอย่างชัดเจน เพื่อดูแลไม่ให้เกิดการใช้ผิดวัตถุประสงค์” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทินได้ให้ข้อมูลแก่ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ในไทย ทั้งในส่วนของกฎหมายนั้น การให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในมิติต่าง ๆ ทั้งกฎหมาย การเพาะปลูก และโอกาสทางธุรกิจ
ทั้งนี้ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย แสดงความประสงค์ที่จะนำคณะเดินทางมาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการผลักดันเชิงนโยบายในประเทศไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีก็ได้ตอบรับว่าประเทศไทยจะแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินทางนโยบายและทางปฏิบัติแก่มาเลเซียด้วยความยินดี
ขณะที่เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงผลการหารือกับ นาย Khairy Jamaluddin ABU BAKAR รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย ในช่วงการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่าเป็นที่น่ายินดีที่มาเลเซียให้ความสนใจต่อนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์กัญชา กัญชง ทางการแพทย์และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ รมว.สาธารณสุข ของมาเลเซีย ระบุระหว่างการหารือว่า มาเลเซียยกให้ไทยเป็นต้นแบบในการผลักดันเชิงนโยบายได้สำเร็จเพื่อใช้ประโยชน์จากทั้งกัญชา กัญชง และพืชกระท่อม โดยเฉพาะในส่วนของพืชกระท่อมนั้นมีการใช้มากในมาเลเซียยังถือเป็นยาเสพติดและผิดกฎหมาย
“ในการหารือ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย เห็นพ้องกับประเทศไทยว่ากัญชา กัญชง และพืชกระท่อม เป็นพืชที่ให้ประโยชน์มากกว่าโทษหากกำหนดแนวทางการใช้อย่างรัดกุมและเหมาะสม ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีของไทยได้ย้ำว่ารัฐบาลไทยได้กำหนดแผนงานตามแนวโยบาย กฎหมาย และแนวทางอย่างชัดเจน เพื่อดูแลไม่ให้เกิดการใช้ผิดวัตถุประสงค์” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทินได้ให้ข้อมูลแก่ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ในไทย ทั้งในส่วนของกฎหมายนั้น การให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในมิติต่าง ๆ ทั้งกฎหมาย การเพาะปลูก และโอกาสทางธุรกิจ
ทั้งนี้ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย แสดงความประสงค์ที่จะนำคณะเดินทางมาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการผลักดันเชิงนโยบายในประเทศไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีก็ได้ตอบรับว่าประเทศไทยจะแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินทางนโยบายและทางปฏิบัติแก่มาเลเซียด้วยความยินดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น