เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแอลลัน เจมส์ มักคินนัน (H.E. Mr. Allan James McKinnon) เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบหารือกับเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ อีกครั้ง พร้อมขอบคุณที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรเลียให้แน่นแฟ้นมากขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ออสเตรเลีย และการจัดทำวีดิทัศน์สารคดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงศึกษาในเครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งสร้างความประทับใจ และสะท้อนความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างไทยกับออสเตรเลีย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยินดีกับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป
เอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ยินดีที่ได้มีโอกาสพบหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่จนประสบความสำเร็จด้วยดีเสมอมา ตลอดจนชื่นชมความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ขณะนี้ออสเตรเลียเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว เพื่ออำนวยความสะดวกให้การเดินทางระดับประชาชน และทราบว่ามีนักเรียน/นักศึกษาชาวไทยจำนวนมากสนใจมาศึกษาต่อยังออสเตรเลีย สะท้อนความสัมพันธ์ระดับประชาชนที่แน่นแฟ้น นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าและการลงทุน ซึ่งมีการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน และมีการแลกเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกันจำนวนมาก ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ยืนยันว่าจะยังคงสนับสนุนและผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียให้ก้าวหน้าต่อไปยิ่งขึ้น
ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิด โดยมีความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงที่แน่นแฟ้นยาวนาน ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค ครอบคลุมหลายประเด็น อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการร่วมมือกับออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเด็นการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังมาตลอด โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณออสเตรเลียที่ให้การสนับสนุนไทยในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Counter Trafficking in Persons Center of Excellence) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้วย
ด้านความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 นายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลออสเตรเลียที่สนับสนุนวัคซีนแก่ไทย ตลอดจนยินดีที่ไทยและออสเตรเลียได้เปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการศึกษา เชื่อมั่นว่าจะช่วยทำให้การค้าและการลงทุนระหว่างกันฟื้นตัวและขยายตัวได้อีกมาก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมขยายความร่วมมือกับออสเตรเลียในด้านการลงทุน ในสาขาที่ออสเตรเลียมีความเชี่ยวชาญและสอดคล้องกับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ BCG ของไทย ตลอดจนเชิญชวนให้นักลงทุนออสเตรเลียขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีศักยภาพและความพร้อมรองรับการลงทุนเป็นอย่างดี โดยเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ พร้อมให้การสนับสนุน
ด้านความร่วมมือในกรอบภูมิภาคและอนุภูมิภาค นายกรัฐมนตรียินดีที่อาเซียนและออสเตรเลียได้ยกระดับสถานะความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน พร้อมชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของออสเตรเลียในการส่งเสริมการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือในภูมิภาคและอนุภูมิภาค ให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอบคุณออสเตรเลียที่สนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ โดยไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนเอเปคไปข้างหน้าท่ามกลางความท้าทาย โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 และการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น