ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดประชุมหารือผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom meeting)สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหาแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หลังพบว่าช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวเชิงลบของวงการสงฆ์ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายอนุชาฯ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต่อกระแสข่าวดังกล่าว จึงสั่งการให้เร่งหารือแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในวงการสงฆ์ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการทำหน้าที่เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และมีหน่วยงานระดับภูมิภาค คือ พศจ. กระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงได้มีการหารือและขอความร่วมมือ พศจ. ทุกจังหวัดช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่อาจเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย โดยเมื่อพบเห็นพฤติกรรมไม่ดีดังกล่าว ให้รีบรายงานยังส่วนกลางเพื่อดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว หากเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ให้รีบทำหนังสือหารือกรรมการมหาเถรสมาคมเพื่อตรวจสอบและกำหนดบทลงโทษ
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อเร่งรัด ติดตาม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ให้สังคมปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาหลักของชาติ ให้ พศจ. ทั่วประเทศทำงานเชิงรุก ป้องกันสิ่งร้ายที่คอยบ่อนทำลายและสร้างความสับสนในสังคมวงกว้าง และร่วมกันเผยแพร่สิ่งดีงามตามหลักคำสอนและการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาให้สังคมและประชาชนเกิดความเข้าใจในแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง
นายอนุชาฯ ยืนยันไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอความร่วมมือสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกท่านทำงานเชิงรุกอย่าให้ภาคส่วนอื่นๆ นำประเด็นพระมีประพฤตินอกรีดมาเผยแพร่ โดยที่สำนักพระพุทธฯ ไม่รู้เรื่อง ขอให้เข้มงวดสอดส่องให้มากยิ่งขึ้นอย่างจริงจัง ทำการตรวจตราสิ่งที่ผิดปกติในวงการพระสงฆ์ หากพบความผิดปกติขอให้เร่งแก้ไขปัญหา ก่อนจะถูกเผยแพร่สร้างความเสียหาย ขอให้ทุกคนช่วยกันปกป้องรักษาองค์กร ให้เกิดความน่าเชื่อถือตลอดไป พร้อมกับขอให้เร่งสร้างศรัทธากลับคืนมา อะไรที่เป็นกิจกรรมดีๆ ขอให้นำมาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้ อันไหนเป็นข้อผิดพลาดเป็นข้อบกพร่อง สร้างความเสียหายขอให้ปรับปรุงแก้ไข เพิ่มความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น อย่าคำนึงถึงผลประโยชน์คนใดคนหนึ่งต้องคำนึงถึงองค์กรเป็นหลัก พร้อมกับเร่งทำความเข้าใจสังคมว่า สำนักพระพุทธศาสนาไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ มาโดยตลอดอย่างจริงจัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น