นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังกลับจากการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ที่บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ว่า การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายความร่วมมือด้านสาธารณสุขของอาเซียนและกับประเทศคู่เจรจา โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมและตอบโต้ต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของภูมิภาค โดยใช้แนวทางสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health Approach) การสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ UHC การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารมาเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพและควบคุมโรค และการสร้างศักยภาพของภูมิภาคให้มีความมั่นคงด้านวัคซีนและยาในการตอบโต้ต่อโรคระบาด ซึ่งประเทศไทยยืนยันความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
นายอนุทินกล่าวว่า บรรยากาศการประชุม 2 วันที่ผ่านมา เป็นไปอย่างราบรื่นและมีการหารือที่สร้างสรรค์ ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ (Corridor meeting) โดยได้เชิญมาประชุม APEC High Level Meeting on Health and the Economy ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565 และขอบคุณที่สนับสนุนให้ไทยเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานด้านสาธารณสุขของไทย และการดำเนินงานความร่วมมือด้านสาธารณสุขภายใต้กรอบอาเซียนและกรอบความร่วมมืออื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน และการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา คือ แถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ทั้งหมด 5 ฉบับ ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่จะยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน และการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา คือ แถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ทั้งหมด 5 ฉบับ ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่จะยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น