“แค่คำพูดที่ว่า จะไม่ทิ้งคนรากหญ้า ก็ไม่น่าเชื่อถือแล้ว เพราะการกอบโกยหาผลประโยชน์จากโครงการจำนำข้าวพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า เป็นการทำเพื่อพวกพ้องของตัวเอง ไม่ได้คำนึงถึงชาวนาและคนรากหญ้าเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนปรากฏการณ์คนอยากย้ายประเทศนั้น ก็เห็นมีแต่คนในพรรคเพื่อไทยที่หนีไปต่างประเทศเพราะไม่ต้องการรับโทษจากความผิดที่ตัวเองก่อไว้ แล้วทิ้งให้ลูกน้องติดคุกแทนตัวเอง อยากให้ย้อนถามตัวเองด้วยว่า ที่กำลังทำอยู่นั้น เป็นความต้องการและทำเพื่อชีวิตของประชาชนหรือเพื่อใครกันแน่” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ความสิ้นหวังของประเทศ เกิดจากคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ที่เสพติดอำนาจ และทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจ สร้างรัฐธรรมนูญที่ผูกขาดอำนาจไว้กับรัฐราชการและพวกพ้องนั้น นายธนกร กล่าวว่า นายแพทย์ชลน่านคงลืมไปว่า สิ่งที่ตัวเองพูดนั้นคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับการเมืองไทยนับตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ จนเป็นที่มาของวลีทางการเมืองมากมาย ทั้งสภาฯ ผัวเมีย สภาฯ ทาส หรือเผด็จการรัฐสภา ดังนั้น นายแพทย์ชลน่านไม่น่าจะความจำสั้น ลืมสิ่งที่พรรคตัวเองเคยทำกับประเทศไว้ได้ง่าย ๆ ขนาดนี้
“คำพูดที่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นฝ่ายค้าน เราเกิดมาเพื่อเป็นรัฐบาล เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยยอมรับกติกาใด ๆ ถ้าตัวเองไม่ได้เปรียบ เหตุการณ์สภาฯ ล่มที่ผ่านมาก็เพราะไม่ยอมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน วัน ๆ จ้องหาแต่โอกาสว่าเมื่อไรจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง แล้วแบบนี้จะให้ประชาชนไว้วางใจได้อย่างไร คนที่เลือกงานบริษัทต่าง ๆ เขายังไม่อยากจะรับ แล้วพรรคที่เลือกทำหน้าที่ จะให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร” นายธนกร กล่าว
“คำพูดที่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นฝ่ายค้าน เราเกิดมาเพื่อเป็นรัฐบาล เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยยอมรับกติกาใด ๆ ถ้าตัวเองไม่ได้เปรียบ เหตุการณ์สภาฯ ล่มที่ผ่านมาก็เพราะไม่ยอมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน วัน ๆ จ้องหาแต่โอกาสว่าเมื่อไรจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง แล้วแบบนี้จะให้ประชาชนไว้วางใจได้อย่างไร คนที่เลือกงานบริษัทต่าง ๆ เขายังไม่อยากจะรับ แล้วพรรคที่เลือกทำหน้าที่ จะให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร” นายธนกร กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น