ปี 2565 นี้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ (China Cultural Center) ครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2555 โดยความตกลงของรัฐบาลทั้งสองประเทศในขณะนั้น นับว่าเป็นศูนย์วัฒนธรรมจีนแห่งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้สร้างขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์กระชับมิตร แลกเปลี่ยน ร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างจีนกับไทย เผยแพร่วัฒนธรรมจีน ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ทิศเหนือเชื่อมกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ภายในพื้นที่ 8,222 ตารางเมตรแห่งนี้ ประกอบด้วย ห้องจัดนิทรรศการ โรงละคร ห้องเรียน ห้องสมุด และพื้นที่อเนกประสงค์ให้เช่าจัดงานต่างๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้สนใจทั่วไปและองค์กรต่่างๆ ได้เข้าศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมจีนผ่านรูปแบบกิจกรรมสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมหลากหลาย อาทิ การแสดง นิทรรศการ การแข่งขัน การอภิปราย การบรรยาย การฉายภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังเปิดหลักสูตร มีหลักสูตรและการฝึกอบรม ได้แก่ ภาษาจีน การเขียนพู่กันจีน นาฎศิลป์จีน กังฟูจีน มวยไทเก๊ก ดนตรีกู่เจิ้ง การทำอาหารจีน
วัฒนธรรมจีนด้านต่างๆ ได้สะท้อนให้เห็นรากเหง้าและความยิ่งใหญ่ของการเป็นชาติมหาอำนาจที่ทรงพลังและมีอิทธิพลต่อโลก โดยเฉพาะทางด้านการค้าและเศรษฐกิจ ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยากรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกวงการเพื่อการพัฒนาประเทศชาติทุกยุคทุกสมัย ยิ่งทำให้เข้าใจถึงคำกล่าวของ ฯพณฯ สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในโอกาสครบ 1 ศตวรรษของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่กล่าวว่า “ไม่ว่าเดินไปไกลเท่าไร จงอย่าลืมเส้นทางที่ผ่านมา” นั่นเพราะคนจีนไม่เคยลืมอดีตที่เจ็บปวดในการสร้างชาติและยังทบทวน มองไปข้างหน้าถึงความยิ่งใหญ่ของจีนในปัจจุบันและอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
จีนกับไทย ได้ชื่อว่าเป็นชาติที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน จนมีคำกล่าวว่า “จีนไทยมิใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีเชื้อสายจีน ความสัมพันธ์ทางการทูตของไทยกับจีน รวมไปถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดของจีนกับไทยในระดับราชวงศ์จักรี อาทิ กรมสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระปรีชาสามารถทั้งการทรงพระอักษรจีนและตรัสภาษาจีนได้ โดยเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีนก็หลายครั้ง นอกจากนี้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรีกู่เจิ้งได้อย่างไพเราะ อีกทั้งยังทรงได้รับการถวายวัคซีนโควิด 19 จากจีน เพื่อนำมาช่วยเหลือประเทศไทยและคนไทยจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าหรือโควิด 19 ในปัจจุบัน เป็นต้น
สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเสมือนพี่น้องของจีนกับไทยเช่นนี้ นับวันยิ่งกระชับผูกมิตรจิตรมิตรใจกันมากขึ้นโดยการมีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เป็นสะพานเชืี่อมโยงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมจีนมาสู่การแลกเปลี่ยนใฝ่เรียนรู้ในสิ่งที่จีนมีความโดดเด่นและเป็นสิ่งที่คนที่คนส่วนมากอยากรู้จักจีน อาทิ ภาษาจีนที่มีบทบาทและความสำคัญต่อการค้าและการสื่อสารในโลกทุกวันนี้ รวมทั้งอาหารจีน ศิลปวัฒนธรรมจีน ดนตรี กีฬา ซึ่งสะท้อนให้เห็นอัตลักษณ์ของจีนอย่างเด่นชัดจนนำมาสู่การจัดกิจกรรมที่น่าสนใจสร้างสรรค์ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ อย่างทรงคุณค่า
พินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย - จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 10 ปีของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ว่า “ปีนี้เป็นปีสำคัญยิ่งของการเฉลิมฉลองการก่อตั้งศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ครบ 10 ปี ในฐานะประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีและให้กำลังใจ ว่าศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ได้เป็นสะพานเล็กๆ ในการเชื่อมมิตรภาพระหว่างจีนกับไทยในด้านวัฒนธรรม ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองมิตรประเทศ จีนกับไทย ที่ผ่านมาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ มีบทบาทและได้สร้างคุณประโยชน์อย่างคุณูปการมากมายในการเสริมสร้างวัฒนธรรมระหว่างสองชาตินี้ สร้างผลงานประจักษ์ในการเสริมสร้างมิตรภาพไทยกับจีนจนประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะความเจริญงอกงามด้านวัฒนธรรมที่ได้ผลิดอกออกผลที่มาจากความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจในการทำงานของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ ในไทย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐบาล ภาคธุรกิจเอกชน สมาคม ห้างร้าน มูลนิธิ มหาวิทยาลัยอย่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เป็นต้น ที่มีความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษา มีกิจกรรมทางด้านการศึกษาและการแสดงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ แลกเปลี่ยนกันไปมาโดยเฉพาะการแสดงจากจีนคณะแล้วคณะเล่าตลอดหลายปีนี้ ในด้านการศึกษาก็มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาจีนมาเรียนภาษาไทย นักศึกษาไทยไปเรียนภาษาจีนในหลายมหาวิทยาลัยของจีน จากความร่วมมือของ มศว เป็นต้น ในโอกาสนี้ผมจึงขออวยพรให้จีนกับไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไปตราบนานเท่านานและขอสนับสนุนความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศหวังว่าความร่วมมือจีนกับไทยจะร่วมมือกันมากขึ้นในหลายด้านและพัฒนาดียิ่งขึ้นๆ ตลอดไป”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อดีตอธิการบดี มศว และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชมที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ได้ดำเนินกิจกรรมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมจีนกับพี่น้องคนไทยตลอดทศวรรษ มิติทางด้านวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่มีความลึกซึ้งและกว้างขวางในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ และอาจจะมากกว่ามิติทางด้านการทำมาค้าขายหรือเศรษฐกิจเสียด้วยซ้ำไป การที่มีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ดำเนินกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมมาจนครบรอบ 10 ปีนี้ จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องประชาชนชาวจีนและชาวไทยที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ผมจึงหวังว่าความเจริญงอกงามของความสัมพันธ์นี้จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นไปโดยลำดับและมีความยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต ขอสนับสนุนและให้กำลังใจกับทั้งจีนและไทยที่จะได้สืบสานวัฒนธรรมที่ดีงามและทรงคุณค่าเช่นนี้ตลอดไป”
รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มศว กล่าวว่า “ ในฐานะอธิการบดี มศว ผมขอขอบคุณศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ที่ได้สนับสนุนกิจการและกิจกรรมด้านการส่งเสริมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมจีนกับไทยร่วมกันมาโดยตลอดโดยผ่านคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว จีนกับไทยมิใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน ผมเองในฐานะคนไทยเชื้อสายจีนและได้มีโอกาสสื่อสารด้วยภาษาจีนกับภาคธุรกิจเอกชนของจีนที่มีความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับทางมหาวิทยาลัย ก็มีความภูมิใจว่าจีนกับไทยเราได้พึ่งพาอาศัยเกื้อกูลกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ คนจีนได้อาศัยทำมาค้าขายในผืนแผ่นดินไทย สร้างเนื้อสร้างตัวเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมายหลายตระกูลมหาเศรษฐี คนไทยเชื้อสายจีนก็ยึดถือธรรมเนียมจีนและสอนลูกสอนหลานให้มีความซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน กตัญญูต่อบุพการีบรรพบุรุษ เยี่ยงอย่างชาวจีน ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ในปีนี้ ผมเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างยาวนานของจีนกับไทย จะเป็นสิ่งที่จีนและไทยได้แสดงความเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน ในฐานะอธิการบดี มศว สถาบันการอุดมศึกษาชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย ผมขอขอบคุณความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกกิจกรรมที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ได้ดำเนินงานร่วมกับทางมหาวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่อง ขอให้ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ประสบความสำเร็จในการเผยแพร่วัฒนธรรมจีนมาสู่การรับรู้พี่น้องคนไทยเพื่อสืบสาน รักษาและต่อยอด
สายสัมพันธ์ที่ดีของจีนกับไทยนี้ไปสู่คนรุ่นใหม่ได้อย่างราบรื่น ประสบผลสำเร็จตามเจตนารมย์”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระวิวรรณ วรรณวิไชย รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาศักยภาพนิสิต มศว กล่าวว่า “ไทยและจีน มีสายสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาอย่างยาวนาน ในโอกาสที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ครบรอบ 10 ปี นับเป็นทศวรรษแห่งความร่วมมือที่ก่อให้เกิดความร่วมมือและสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองวัฒนธรรมของสองแผ่นดินคือจีนและไทยจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งในสมัยที่ดิฉันเคยเป็นคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว นั้นก็ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีนฯ ในการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ การจัดกิจกรรมการแสดงของจีนกับไทยโดยมีนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญของจีน ดิฉันจึงมีความเชื่อมั่นว่า ก้าวต่อไปแห่งอนาคตของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับผู้ที่สนใจ ไม่เพียงแต่เฉพาะเยาวชนแต่ยังเปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไปทุกเพศทุกวัย ขอให้โอกาสครบรอบ 10 ปีนี้จงเป็นก้าวที่มั่นคง สำคัญและยั่งยืนของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ค่ะ”
ด้านคนรุ่นใหม่หรือนิวเจนเนอเรชั่น (New Generation) อย่างเช่น ชลิตา ส่วนเสน่ห์ (น้ำตาล) มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2559 และเข้ารอบ 6 คนสุดท้ายนางงามจักรวาล 2016 ปัจจุบันเป็นนิสิตสาขานวัตกรรมการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มศว กล่าวว่า “ถ้าพูดถึงจีนก็จะต้องคิดถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศจีนเพราะจีนเป็นประเทศมหาอำนาจโดยเฉพาะมีความโดดเด่นและทรงอิทธิพลในเรื่องการค้าการเศรษฐกิจ ประเทศจีนเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งถ้าคิดอยากทำธุรกิจการค้าการส่งออกก็ยังคิดว่าอยากส่งออกจีนมากที่สุด ดูอย่างทุเรียนไทยนี่คนจีนก็ชอบกินมาก ทำให้การส่งออกทุเรียนไทยไปจีนประสบผลสำเร็จดีมาก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของการศึกษา แม้ตัวเองจะเป็นนางแบบ นางงาม นักแสดง และก็ยังเป็นนิสิต มศว ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนในโครงการความร่วมมือทางด้านงานวิชาการหรือการศึกษานะคะแต่ก็มีเพื่อนนักเรียนไทยที่ไปเรียนแพทย์แผนจีนที่เมืองจีนค่ะ ก็เชื่อมั่นค่ะว่าจีนจะเป็นประเทศที่พร้อมหรือมีศักยภาพในการให้การสนับสนุนเรื่่องการศึกษาได้ดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการศึกษาของประเทศเขาเองหรือกับประเทศไทยเรา เพราะอย่างที่เรารู้จากข่าวต่างๆ ของจีน อะไรที่เป็นเรื่องของการแข่งขันต่างๆ จีนจะเก่งมากๆ อย่างเรื่องของกีฬานี่จีนเป็นชาติที่มีนักกีฬาเก่งมาก อย่างโอลิมปิกนี่ ประเทศจีนมักเป็นประเทศแรกๆ ต้นๆ ที่ได้เหรียญเยอะมากมีการฝึกฝนนักกีฬาจริงจังและฝึกตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่าจีนจะมีความโดดเด่นในเรื่องกีฬามากๆ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบดูกีฬาด้วยและก็เคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียนมาด้วย ล่าสุดจีนยังเป็นประเทศที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอีกครั้งในโอลิมปิกฤดูหนาวปีนี้ ก่อนหน้าที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง หรืออาจเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนทางศิลปวัฒนธรรมที่ทั้งจีนกับไทยเราก็มีความสวยงาม มีเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่แพ้เรื่องภาษา แต่ถ้าถามว่าในฐานะคนรุ่นใหม่และเพิ่งรู้ว่ามีศูนย์วัฒนธรรมจีนในไทยก็อยากให้มีกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของคน เรื่องของการมีวินัยเพราะคนจีนได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีวินัย อยากให้คนไทยมีวินัยเหมือนคนจีนเท่าที่จะทำได้ ประเทศจีนเขาเองก็มีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่เพิ่งครบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์ไป จีนเองก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่จีนมีและคิดว่าเป็นสิ่งดีที่คนไทยน่าจะได้เรียนรู้คือเรื่องของการวินัยของคน คนจีนมีความพยายามใฝ่รู้ใฝ่ทำสูงในสิ่งที่เขาสนใจจริงจังจนเขาประสบความสำเร็จมากๆ ค่ะ”
ขณะที่ ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล (เฟม) นักแสดงและนิสิตปริญญาโท วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มศว กล่าวว่า “ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ได้ทำหน้าที่เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของจีนด้านต่างๆ ให้กับคนไทยได้รู้จัก ได้ศึกษาและเรียนรู้ถึงสิ่งดีๆ ที่จีนมีดีมากมาย ผมเองก็เป็นคนไทยที่มีเชื้อสายจีนเพราะมีบรรพบุรุษเป็นคนจีนเหมือนกัน รู้สึกว่าความอดทนไม่ย่อท้อต่อการทำงานหนักในฐานะนักแสดงของผมในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากลักษณะนิสัยของคนจีนว่ามีมุมานะ ต่อสู้ต่อความยากลำบากเหน็ดเหนื่อยได้ ในฐานะคนรุ่นใหม่ ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ เพื่อนๆ ได้เรียนรู้จากสิ่งที่ดีของจีนไปปรับใช้ในชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัว ซึ่งมาเรียนได้ที่กศูนย์วัฒนธรรมจีนแห่งประเทศไทย ณ กรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษาจีน อาหารจีน ดนตรีจีน การวาดภาพพู่กันจีน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เกิดการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ได้และอาจนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงด้วยครับ”
ปัจจุบันศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ มีภารกิจทางด้านวัฒนธรรมและส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ มีบริการเปิดสอนหลักสูตรการเรียนภาษาจีน การทำอาหารจีน ดนตรีจีน ศิลปะการวาดภาพพู่กันจีน การเต้นรำแบบจีน การแสดง รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ มากมายที่อยู่ในความสนใจของคนทุกเพศทุกวัย สอนโดยอาจารย์คนไทยเชื้อสายจีนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในสังคมจีนและไทย เพื่อเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรม การศึกษา การค้าการลงทุนต่างๆ ทั้งในฝ่ายของไทยที่ต้องการเชื่อมความสัมพันธ์ในทุกๆ ด้านกับประเทศจีน เช่น เดียวกันกับทางฝ่ายของจีนก็ต้องการร่วมมือกับประเทศไทยในด้านต่างๆ
1 ทศวรรษ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพ ในวันนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า รากเหง้าวัฒนธรรมจีน ทรงคุณค่า ทรงอิทธิพลต่อการเรียนรู้และถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ เป็นวัฒนธรรมข้ามชาติที่พร้อมจะสืบสาน รักษาและต่อยอดจากจีนสู่ไทย จากไทยไปจีน ได้โดยไร้ข้อจำกัดต่อไปไม่ว่าจะผ่านไปกี่ทศวรรษ เพราะ “จีนไทยมิใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน” นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น