นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเปิดโรงเรียนครอบครัวตําบลชมพู (ศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนบ้านซำรัง) อำเภอเนินมะปราง วันที่ 20 ม.ค.65 เวลา 13.00 น.อีกทั้งพบปะทักทายและให้กำลังใจครอบครัวที่เข้าอบรมโครงการการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรง รุ่นที่ 1 จากนั้น เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวกลุ่มเปราะบางที่มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งบ้านประสบอัคคีภัยเสียหายทั้งหลัง พร้อมทั้งมอบบ้านพระธรรมเฉลิมพระเกียรติ หลังที่ 19 โดยครูบาบุญล้อม หน่อแก้วโพธิญาณ และผู้มีจิตศรัทธา
นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ กระทรวง พม. เดินทางมาตั้งโรงเรียนครอบครัวหรือเรียกว่าโรงเรียนพ่อแม่ ตามนโยบายของรัฐบาล เพราะคุณค่าของประเทศไทยอยู่ที่ลูกหลานของเรา ซึ่งทุนมนุษย์คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ตนภูมิใจมากที่มีโครงการนี้เกิดขึ้น และขอขอบคุณพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก (พมจ.พิษณุโลก) ที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ เราต้องพัฒนาเด็กตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์จนถึงอายุ 18 ปีให้ได้ เพราะโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ทำให้เด็กโตเกินวัยอย่างมาก อีกทั้ง เราต้องเริ่มสอนให้ความรู้ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ วินัย ตั้งแต่เด็กยังไม่เข้าโรงเรียนอนุบาล ฉะนั้น ศูนย์เด็กเล็กจึงมีความสำคัญมาก เพราะต้นไม้ต้องเพาะตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า เราจะทำด้วยกันในเรื่องของ "บวร" บ้าน วัด โรงเรียน วันนี้ ตนพยายามทำเรื่องห้องสมุด พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสือให้ลูก แต่คุณครูต้องสอนวิชาหลักให้พอเพียง ส่วนวิชาเสริมให้ไปเรียนเพิ่มทักษะในห้องสมุด แต่ห้องสมุดไม่ใช่เพียงสำหรับอ่านหนังสือ แต่ห้องสมุดจะมีทีวี คอมพิวเตอร์ ให้เด็กสามารถใช้ในการทำการบ้านและเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มเติมด้วยตัวเอง ขณะนี้ เด็กที่กำลังโตไม่สามารถเรียนแบบเดิมได้ โรงเรียนครอบครัวจึงต้องรู้ว่าจากนี้อีก 10 ปี เด็กต้องเรียนอะไรเพื่อที่จะได้มีอาชีพ มีงานทำ และมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ดังนั้น การเรียนรู้ด้วยตนเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือ ทำอย่างไรให้ลูกหลานอยู่ในระบบได้ โดยให้เด็กสามารถมีทุนเรียนหนังสือต่อไปได้ ขณะเดียวกันเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา สามารถไปเรียนวิชาชีพได้ ซึ่งเราจำเป็นต้องช่วยกันทำอย่างยิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น