เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 เวลา 13.20 น. บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีการพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมในการรับมือหากมีการแพร่ระบาดหรือหากพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผู้ที่เดินทางเข้ามาก่อนล่วงหน้าเพื่อตรวจคัดกรองหาเชื้ออีกครั้ง
สำหรับมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในรูปแบบ Test & Go ยังคงให้เป็นการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR แทน ATK เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัย โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า มั่นใจการฉีดวัคซีนจะยังสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ ซึ่งวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำกว่า 4,000 และลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จในการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ อย่างไรก็ตาม ยังต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการ สถานบริการ ปฏิบัติตามมาตรการ COVID – Free Setting โดยทุกสถานที่ต้องให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนแก่พนักงาน เจ้าหน้าที่ อย่างน้อย 2 เข็ม จัดบริเวณ โต๊ะ เก้าอี้ ให้มีระยะห่าง อากาศถ่ายเท พร้อมกับต้องมีตรวจวัดอุณภูมิก่อนเข้าใช้บริการ และขอให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันทั้งตนเองและต่อผู้อื่นด้วย
นายกรัฐมนตรียังตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการชุมนุมของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องสลายการชุมนุมตามกฎหมายเนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ และห้ามไม่ให้มีการมั่วสุม สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มจะนะฯ จะต้องมีการทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่ข้อง อาทิ ศอ.บต. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้การดูแล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่ายินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็นและความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพบปะชาวบ้าน ประชาชน เพื่อนำข้อสังเกตมาไปสู่การแก้ไขปัญหาตามกฎหมายและกติกาที่มีอยู่ อาจจะรับปากโดยทันทีไม่ได้เพราะจะต้องมีการหารือพิจารณาร่วมกันของทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ โดยนายกรัฐมนตรียังฝากถึงกลุ่มเครือข่ายภาคใต้ที่จะมีเคลื่อนขบวนเรียกร้องเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ว่า ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปดูแลและรับฟังปัญหาของประชาชน เพราะอาจมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงได้
สำหรับกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น นายกรัฐมนตรียังชี้แจงว่า อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาร่วมกันของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีหนี้สินที่เกิดจากการก่อสร้างตั้งแต่ในอดีต แต่จะต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว ซึ่งจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่แบ่งแยกคนรวยคนจน และต้องให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการ “พลิกโฉมประเทศไทย” ที่จะต้องเพิ่ม GDP ส่งเสริมการลงทุน ให้ประชาชนร่วมคิดไปด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ให้เกิดประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ ที่สำคัญคือต้องต่อห่วงโซ่อุปทานทุกกิจกรรม โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้าน ที่จะต้องเร่งสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ให้ชาวบ้านเป็นผู้ประกอบการ เช่น การซื้อ-ขาย ปลาได้เองโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง รวมถึงภาคการเกษตรที่จะต้องดูแลตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ดูต้นทุนการผลิตไม่ให้สูงเกินไปสำหรับพืชทุกชนิดไม่ใช่เพียง 5 ชนิดหลัก ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผ่านมาตรการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความสุขให้กับประชาชนอีกด้วย
นายกรัฐมนตรียังตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการชุมนุมของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องสลายการชุมนุมตามกฎหมายเนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ และห้ามไม่ให้มีการมั่วสุม สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มจะนะฯ จะต้องมีการทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่ข้อง อาทิ ศอ.บต. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้การดูแล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่ายินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็นและความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพบปะชาวบ้าน ประชาชน เพื่อนำข้อสังเกตมาไปสู่การแก้ไขปัญหาตามกฎหมายและกติกาที่มีอยู่ อาจจะรับปากโดยทันทีไม่ได้เพราะจะต้องมีการหารือพิจารณาร่วมกันของทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ โดยนายกรัฐมนตรียังฝากถึงกลุ่มเครือข่ายภาคใต้ที่จะมีเคลื่อนขบวนเรียกร้องเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ว่า ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปดูแลและรับฟังปัญหาของประชาชน เพราะอาจมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงได้
สำหรับกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น นายกรัฐมนตรียังชี้แจงว่า อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาร่วมกันของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีหนี้สินที่เกิดจากการก่อสร้างตั้งแต่ในอดีต แต่จะต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว ซึ่งจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่แบ่งแยกคนรวยคนจน และต้องให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการ “พลิกโฉมประเทศไทย” ที่จะต้องเพิ่ม GDP ส่งเสริมการลงทุน ให้ประชาชนร่วมคิดไปด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ให้เกิดประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ ที่สำคัญคือต้องต่อห่วงโซ่อุปทานทุกกิจกรรม โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้าน ที่จะต้องเร่งสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ให้ชาวบ้านเป็นผู้ประกอบการ เช่น การซื้อ-ขาย ปลาได้เองโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง รวมถึงภาคการเกษตรที่จะต้องดูแลตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ดูต้นทุนการผลิตไม่ให้สูงเกินไปสำหรับพืชทุกชนิดไม่ใช่เพียง 5 ชนิดหลัก ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผ่านมาตรการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความสุขให้กับประชาชนอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น