รมว.แรงงาน kick off เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบการทำงานคนต่างด้าวฯ บูรณาการเข้มชุดเฉพาะกิจต่อต้านค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กอ.รมน.กทม. สตม. ปคม. ทั่วประเทศ - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

รมว.แรงงาน kick off เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบการทำงานคนต่างด้าวฯ บูรณาการเข้มชุดเฉพาะกิจต่อต้านค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กอ.รมน.กทม. สตม. ปคม. ทั่วประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวและสถานประกอบการ จำนวน 123 นาย ประกอบด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จากกรมการจัดหางาน 90 นาย คณะทำงานเฉพาะกิจต่อต้านการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน 13 นาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 10 นาย และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 10 นาย ณ บริเวณด้านหน้าศาลาพระพุทธสุทธิธรรมบพิตร กระทรวงแรงงาน โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมพิธี

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การสนับสนุนการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 เป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกัน ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลโดยการนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ที่ต้องการชะลอ และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด จากกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อเป็นการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติ โดยการบังคับใช้กฎหมายต่อแรงงานข้ามชาติ นายจ้าง และสถานประกอบการ ที่จ้างแรงงานข้ามชาติทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่เจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวและสถานประกอบการ จากการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

“ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติเป็นหลัก และขอให้ได้รับความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง ในนามของกระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่ได้ให้ความร่วมมือส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมปฏิบัติงานกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานในครั้งนี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว
ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน มอบหมายตนกล่าวรายงานในพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวและสถานประกอบการ ซึ่งในวันนี้มีท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น กรุณาให้เกียรติมอบนโยบายและเป็นประธานในพิธี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และมอบแนวทางให้เจ้าหน้าที่นำไปปฎิบัติงาน โดยที่ผ่านมากรมการจัดหางานได้ลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการตามมติครม.วันที่ 28 ก.ย. 64 เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานข้ามชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กำหนดระยะเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 64 

โดยเจ้าหน้าที่จะทำแบบบันทึกข้อมูล และให้นายจ้างมาดำเนินการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนแรงงานข้ามชาติ ภายใน 7 วัน หลังได้รับแบบบันทึกข้อมูลแรงงานข้ามชาติจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งปัจจุบัน พ้นระยะเวลาดำเนินการตามที่กำหนดแล้ว แต่พบว่ายังมีแรงงานข้ามชาติ ที่นายจ้าง สถานประกอบการยังไม่มาดำเนินการ 64,472 ราย คิดเป็นร้อยละ 18.22 จากจำนวนที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสถานประกอบและบันทึกข้อมูลไว้ทั้งสิ้น 353,776 ราย ซึ่งทำให้กลุ่มดังกล่าวกลายเป็นแรงงานข้ามชาติที่มีสถานะผิดกฎหมายทันที โดยเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวและสถานประกอบการ จะเริ่มปฏิบัติงานโดยมีเป้าหมายตรวจสอบกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มแรก

“สำหรับนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี” รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น