ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 3 สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 และกล่าวมอบนโยบายการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดและเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (UNODC) ผู้แทนหน่วยประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศประจำประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานบูรณาการ หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมผ่านระบบ Video Conference ในครั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดและเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 ว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาที่ร้ายแรงและมีมาอย่างยาวนานในสังคมไทย ขณะที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย หากทรัพยากรมนุษย์ไม่มีความเข้มแข็ง ติดยาเสพติด จะทำให้ได้บุคลากรที่ไม่มีคุณภาพในอนาคต ฉะนั้นจึงต้องร่วมกันแก้ปัญหายาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่ออนาคตให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่เข้มแข็ง และแข็งแรง เป็นทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
ปัจจุบันประเทศไทย ประสบปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้จะสกัดกั้นจับกุมได้เป็นจำนวนมาก แต่ยาเสพติดยังหลุดรอดเข้าสู่ประเทศไทยและผ่านไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากการขนส่งยาเสพติดที่มีทางเลือกมากขึ้น กลายเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการลักลอบขนส่งทางพัสดุภัณฑ์ที่มีการขนส่งได้รวดเร็ว และราคาถูก เมื่อเทียบกับการจ้างคนขน จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความคุมเข้ม ในการตรวจตราสินค้าเข้า-ออกในประเทศ นอกจากนี้ ยังพบการฟอกเงินผิดกฎหมายจากการค้ายาเสพติด กระทำผ่านการซื้อขายทองคำ หรืออื่น ๆ จึงขอให้ผู้ดำเนินการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจจำหน่ายทองคำระมัดระวัง ตรวจสอบลูกค้าให้แน่ชัด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นี้ ที่กระทรวงยุติธรรมร่วมมือกับรัฐบาล บังคับใช้กฎหมายเพื่อมุ่งยึดทรัพย์ตัดเส้นทางการเงิน มิให้เงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดถูกฟอกกลับไปยังผู้ผลิตยาเสพติดได้อีก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับผลการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลกและเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และวันนี้เป็นการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่เป็นวันแรก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องนำไปปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน ภายใต้การใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ในวันนี้และการเปิดแผนปฏิบัติการ พ.ศ. 2565 ดังนี้
ประการที่ 1 ขอให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกระดับในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจประมวลกฎหมายยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยทำความเข้าใจกรอบแนวคิด เจตนารมณ์ แนวทางปฏิบัติ และภารกิจใหม่ของหน่วยงานท่านและดำเนินการอย่างประสิทธิภาพ
ประการที่ 2 จัดให้มีการขับเคลื่อนและสร้างความพร้อมในประมวลกฎหมายยาเสพติดอย่างเป็นระบบ มีแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็นขั้นตอน รวมทั้ง จัดให้มีกลไกในการให้คำปรึกษา ติดตามและแก้ไขปัญหาแก่หน่วยปฏิบัติในระยะเปลี่ยนผ่านการใช้กฎหมาย เพื่อให้การปฏิรูปการแก้ไขปัญหายาเสพติดประสพผลสำเร็จ เป็นการทำงานที่เป็นรูปธรรม ชัดเจน
ประการที่ 3 ต้องนำประมวลกฎหมายยาเสพติดไปใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับภาพรวม ระดับจังหวัด โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ค้าตามแนวทางใหม่
ประการสุดท้าย คือ การสร้างตัวแบบในการแก้ไขปัญหาตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เนื่องจากมีการแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายใหม่
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานโดยคำนึงถึงมาตรการต่าง ๆ ดังนี้
1. มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศโดยเฉพาะความร่วมมือกับ 6 ประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ตามแผนปฏิบัติการ 1511 ที่มุ่งเน้นสกัดกั้นเคมีภัณฑ์ และสารเคมีเข้าสู่แหล่งผลิต และปราบปรามยาเสพติดที่ออกจากแหล่งผลิตแพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ และความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร การประสานคดีระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการสืบสวนสอบสวน และเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
2. มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายโดยใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดมาใช้บังคับ เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์สินของผู้ค้ายาเสพติด และนำ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาเป็นเครื่องมือ เพื่อให้การยึดทรัพย์สินมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้มาตรการข้อหาสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ ทุกคดีที่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยง ให้พนักงานสอบสวนและผู้เกี่ยวข้องแจ้งข้อหา เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์สินทั้งขบวนการต่อไป
3. มาตรการในการป้องกันยาเสพติด จะต้องป้องกันไม่ให้ประชาชน เข้าไปสู่การเสพหรือการใช้ยาเสพติดและป้องกันไม่ให้เข้าไปสู่กระบวนการค้ายาเสพติด สร้างการตระหนักรู้ให้คนไทย ประชาคมโลก เห็นถึงผลร้ายและโทษของยาเสพติดและเกลียดชังยาเสพติด โดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ กับหมู่บ้านหรือชุมชน ผ่านกลไก "ตำบลชุมชน มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" เพื่อแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม ผสมผสานกับมาตรการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เกิดรูปแบบการทำงานอย่างยั่งยืน จัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับความรู้ เรื่องของยาเสพติดให้เข้าสู่ระบบการศึกษาทุกระดับ หรือผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึงหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร และทหารกองประจำการ และให้ขยายหลักสูตรไปยังโรงเรียนนายสิบ โรงเรียนนายร้อย ทั้งทหาร ตำรวจ ทุกเหล่าทัพ
4. มาตรการบำบัดรักษายาเสพติดบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ผ่านการบำบัด ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นำผู้เสพผู้ติดยาเสพติดมาลงระบบในฐานข้อมูลให้ดำเนินการต่อ โดยนำไปบำบัดรักษาฟื้นฟูโดยเน้นการใช้ชุมชนบำบัด ส่งเสริมให้ผู้ผ่านการบำบัดมีทักษะความรู้ในสาขาวิชาชีพ จัดให้มีการฝึกอบรมความรู้ทักษะในวิชาชีพเฉพาะ และจัดหางานให้ทำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมให้ใช้กลไกของชุมชนช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้บุคคลเหล่านี้หันกลับไปเสพยาอีกครั้ง
5. มาตรการบริหารจัดการอย่างบูรณาการให้ใช้กลไกของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.) ในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเป็นระบบ และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง พัฒนาระบบข้อมูลและเทคโนโลยี ตลอดจนงานวิชาการและองค์ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด เช่น การศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม ในด้านการแพทย์ และเวชสำอาง เพื่อก่อให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติด จะให้องค์กรใดองค์กรหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบคงจะไม่ได้ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ต้องบูรณาการร่วมกันเพื่อทำให้สังคมไทยและลูกหลานของพวกเราปลอดภัยจากสิ่งไม่ดี นายกรัฐมนตรี อวยพรให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติภารกิจด้วยความปลอดภัย เพราะประเทศคือบ้าน และเป็นหนึ่งในครอบครัวของสังคมอาเซียน สังคมโลก เพื่อสร้างความเข้มแข็งใหักับทรัพยากรมนุษย์ในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น