ภ.1 แถลงผลงาน รวบ 2 ขบวนการค้ายา ของกลางเพียบ - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

ภ.1 แถลงผลงาน รวบ 2 ขบวนการค้ายา ของกลางเพียบ

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66) เวลา 11.00น.ที่ภ.จว.สมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.ดร.จักษ์ จิตตธรรม,ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร,พ.ต.อ.สราวุธ ศรีชัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาค,พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน นายสำรวย วรเตชะคงคา ผชช.ปปส.ภ.7 นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร พ.ท.ปรเมษฐ์ ปาลกะวงศ์ผบ.ขกท.ศปก.ทภ.7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด จำนวน 2 ราย ดังนี้

1.นายพรชัย หรือโบ้ วงศ์ยะรา อายุ 38 ปี (ผู้ต้องหาที่1 ) 2.นายสุวัฒน์ หรือจุ่น ดาวละลม อายุ 43 ปี (ผู้ต้องหาที่2) พร้อมด้วยของกลางในคดี ได้แก่ 1.ยาบ้า ของกลางทั้งหมด รวม จำนวน 405,600 เม็ด 2.ถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 15 ใบ 3.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Iphone 11 จำนวน 1 เครื่อง 4.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ realme 6i สีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง 5.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ HONDA รุ่น CIVIC สีเทา หมายเลขทะเบียน ญร 7574 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน 6.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น X-Max300 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กบ 8327 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า“จำหน่าย โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดย ฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า” สถานที่จับกุมผู้ต้องหา จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 บริเวณริมถนนเลียบคลองคันพนัง เส้นทางสวนส้ม มุ่งหน้าถนนพระราม 2 ม.7 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ต่อเนื่องบริเวณบ้านพักผู้ต้องหา ม.2 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 23.10 น.

จับกุมผู้ต้องหาที่ 2 บริเวณริมถนนเศรษฐกิจ ข้างบริษัทกรีนสปอร์ต จำกัด หมู่ 8 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ต่อเนื่องริมถนนในซอยตลาดสดเทศบาลตำบลอ้อมน้อย หมู่ 3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 19.15 น.




พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวอีกว่าสำหรับพฤติการณ์แห่งคดีก่อนทำการจับกุมผู้ถูกจับในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้ร่วมกันสืบสวนทราบว่ามี นายโบ้ฯ (ผู้ต้องหาที่ 1)พักอาศัยอยู่ที่ ม.2 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับบุคคลในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และบริเวณใกล้เคียง โดยนายโบ้ฯ จะรับยาเสพติดมาจากเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ และนำมาเก็บรักษาไว้ที่บริเวณบ้านพักของตนเองเป็นจำนวนมาก และจะนัดส่งมอบยาเสพติดให้กับลูกค้าที่บริเวณริมถนนเลียบคลองคันพนังเส้นทางสวนส้ม ม.7 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร อยู่เป็นประจำ

ต่อมาวันที่ 24 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนัดส่งมอบยาเสพติดให้ลูกค้ากันที่บริเวณริมถนนเลียบคลองคันพนังเส้นทางสวนส้ม มุ่งหน้าถนนพระราม 2 โดยนายโบ้ฯ จะใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อ HONDA รุ่น CIVIC สีเทา หมายเลขทะเบียน ญร 7574 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะมาส่งมอบให้กับลูกค้าที่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนการจับกุม โดยใช้วิธีเฝ้าจุดซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้เคียง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงร่วมเดินทางโดยรถยนต์ไปพร้อมสายลับเพื่อเข้าจุดซุ่มดู

ต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เห็นรถยนต์เก๋ง ซึ่งมียี่ห้อ สี และหมายเลขทะเบียนตรงตามที่สายลับแจ้ง ขับมาจอดอยู่ที่บริเวณริมถนนดังกล่าว จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้น พบนายโบ้ฯนั่งอยู่ภายในรถ แสดงอาการตกใจ และพยายามจะขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปสกัดกั้นและเข้าไปควบคุมตัวผู้ชายคนดังกล่าวลงมาจากรถยนต์ แสดงความประสงค์ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้า รวมจำนวน 274,000 เม็ด แบ่งซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว

สอบถามนายพรชัย หรือโบ้ฯ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าที่ตรวจพบเป็นของตนเอง ที่กำลังจะนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าที่ติดต่อสั่งซื้อ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน และสารภาพว่ายังมียาบ้าอีกบางส่วนซุกซ่อนอยู่ที่ภายในบ้านพัก ม.2 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ยินยอมนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเอายาบ้าที่ซุกซ่อนไว้ดังกล่าว

เมื่อเดินทางไปถึงที่บริเวณบ้านดังกล่าว นายพรชัย หรือโบ้ฯ เป็นผู้นำตลอดการตรวจค้น พบยาบ้า รวมจำนวน 81,600 เม็ด แบ่งซุกซ่อนอยู่ภายในบริเวณบ้าน (รวมยาบ้า 355,600 เม็ด) ซึ่งผู้ต้องหารับว่ายาบ้าของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 พร้อมของกลาง เพื่อรวบรวมหลักฐานและสืบสวนขยายผลตามอำนาจเจ้าพนักงานปปส. และนำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลทราบว่านายจุ่นฯ (ผู้ต้องหาที่2) พักอาศัยอยู่ที่ ม.8 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับบุคคลในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยจะรับยาเสพติดมาเก็บรักษาไว้ที่บริเวณบ้านพักของตนเองเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่านายจุ่นฯ จะมีการนัดส่งมอบยาบ้าที่บริเวณริมถนนเศรษฐกิจ ข้างบริษัทกรีนสปอร์ต จำกัด ม.8 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ร่วมกันวางแผนการจับกุม

ต่อมาวันที่ 25 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 19.00น. เจ้าหน้าที่ฯ ชุดจับกุมได้เฝ้าจุดซุ่มดูอยู่บริเวณดังกล่าว พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น X-Max300 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กบ 8327 กรุงเทพมหานคร (ตรงตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบข้อมูล) ขับขี่เข้ามาจึงได้เข้าไปแสดงตัว ซึ่งนายจุ่นฯ ได้แสดงอาการตกใจ และพยายามจะขับรถหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถเข้าควบคุมตัวไว้ได้ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น ซึ่งนายสุวัฒน์หรือจุ่น ดาวละลม (ผู้ต้องหาที่2) ยินยอมให้ตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระสอบปุ๋ยสีขาว ซึ่งวางอยู่ตรงหว่างขาบนรถจักรยานยนต์ นายสุวัฒน์หรือจุ่นฯ รับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเอง ที่กำลังจะนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าจึงยึดไว้เป็นของกลาง

จากนั้นนายสุวัฒน์หรือจุ่นฯ รับว่ายาบ้าอีก 40,000เม็ด ซุกซ่อนอยู่ที่บริเวณริมถนนในซอยตลาดสดเทศบาลตำบลอ้อมน้อย ม.3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ต.สมุทรสาคร และพาเจ้าหน้าที่ฯ ไปตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึงนายสุวัฒน์หรือจุ่นฯ ได้ชี้จุดที่ซุกซ่อนยาบ้าดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ฯ ได้ทราบ และตรวจสอบที่บริเวณฯ ดังกล่าวพบยาบ้า จำนวน 40,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระสอบปุ๋ย สอบถามนายสุวัฒน์หรือจุ่นฯ ผู้ต้องหาให้การว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองที่นำมาซุกซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่กล้าเอาไปส่งในคราวเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำผู้ต้องหาที่ 2 พร้อมของกลาง ส่ง พงส.สภ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ในการนี้ ผบช.ภ.7 ได้มอบเงินรางวัลให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน และมีปฏิภาณไหวพริบในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า"คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์"

ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป "ผบช.ถ.7 กล่าว"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น