นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 เวลา 09.30 น. ณ โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อำพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงทุกวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้า (TPMAP) และความก้าวหน้าการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร
สำหรับการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยของจังหวัดสกลนคร ในปี พ.ศ. 2565 จังหวัดสกลนคร มีจำนวนประชากรรวม 1.14 ล้านคน เป็นจำนวนประชาชนตามเป้าหมาย TPMAP จำนวน 12,261 คน ลดลงจากปี พ.ศ. 2561 ซึ่งมีจำนวน 22,922 คน แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่ส่งผลให้จำนวนประชาชนตามเป้าหมาย TPMAP ของจังหวัดสกลนครมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับสกลนครเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความได้เปรียบในเชิงพื้นที่ในหลายมิติที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอด โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในส่วนของความก้าวหน้าเป็นศูนย์กลางสมุนไพร จังหวัดสกลนครได้กำหนดเป้าหมายในการเป็น “มหานครแห่งพฤกษเวช” โดยเป็น 1 ใน 4 จังหวัดที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบด้านการแพทย์แผนไทยและศูนย์กลางสมุนไพรอย่างครบวงจร (จังหวัดปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี และเชียงราย) ซึ่งมีโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นศูนย์กลางในการตรวจวินิจฉัย รักษา ตามหลักแผนไทยและแพทย์แผนประยุกต์ รวมทั้งการผลิต โดยการจัดซื้อวัตถุดิบสมุนไพรจากเกษตรกรในพื้นที่ และการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ ตามมาตรฐานสากล ภายใต้แบรนด์ อาจารโร เฮิร์บ (Arjaro Herb) สามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดสกลนครอีกครั้ง พร้อมย้ำ จังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดที่เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ มีรอยยิ้มสยาม รัฐบาลจึงต้องการที่ส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ เป็นเมืองมหานครแห่งพฤกษเวช พร้อมขับเคลื่อนประเทศ ให้เป็นไปตามแผนแม่บทต่าง ๆ ทั้งการแก้ปัญหาความยากจน ให้ประชาชนอยู่รอดปลอดภัยอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีภูมิคุ้มกันที่ดี พร้อมกล่าวย้ำว่า รัฐบาลเร่งที่จะจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เรียงลำดับให้ความสำคัญ เพราะทุกคนคือครอบครัว ทั้ง 77 จังหวัด พร้อมให้เข้าถึงบริการภาครัฐทั่วถึง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะดีขึ้น แต่ทุกคนต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะวัคซีนต้องฉีดให้ครบโดส เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่จนสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าหลาย ๆ ประเทศ ได้รับคำชื่นชมจากประเทศต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นผลความสำเร็จจากความร่วมมือของทุกถาคส่วน และคนไทยทุกคน นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลช่วยกันทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชน และประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไปสู่อนาคตที่ดี ทั้งปัญหาภายในประเทศ และการแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดความยั่งยืนตามแผนการพัฒนาของรัฐบาล
ส่วนการส่งเสริมพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบด้านการแพทย์แผนไทยและศูนย์กลางสมุนไพรอย่างครบวงจร นายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยต่อการใช้สมุนไพรต่าง ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จากกัญชา ซึ่งมีทั้งคุณและโทษ ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ใช้ให้ถูกจุด ใช้ปริมาณที่เหมาะสม เพื่อจะได้รับผลประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าการได้รับโทษ และระบุว่า การนำสมุนไพรพืชเศรษฐกิจมาแปรรูปเพิ่มคุณค่า เป็นยารักษาโรคเป็นสิ่งที่ดี ทั้งต่อเศรษฐกิจและสุขภาพ แต่ต้องควบคุมให้ได้มาตรฐาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น